สอบ SAT คืออะไร ไขข้อสงสัย ที่หลายคนอยากรู้

Standardized Tests

มกราคม 14, 2025

สอบ sat

การสอบ SAT (Scholastic Assessment Test) เป็นการทดสอบที่สำคัญสำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ การสอบนี้มีความสำคัญต่อการประเมินความสามารถทางวิชาการของนักเรียนและเป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยใช้ในการพิจารณาเข้าศึกษา ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ SAT และวิธีการเตรียมตัวสำหรับการสอบให้ประสบความสำเร็จ

SAT คืออะไร

SAT เป็นการทดสอบมาตรฐานที่จัดทำโดย College Board ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความสามารถทางวิชาการของนักเรียนระดับมัธยมปลาย โดยการสอบจะเน้นไปที่ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ การอ่าน (Reading), การเขียนและการใช้ภาษา (Writing and Language), และคณิตศาสตร์ (Mathematics) คะแนนเต็มของ SAT อยู่ที่ 1600 คะแนน โดยคะแนนในแต่ละส่วนจะอยู่ในช่วง 200-800 คะแนน

ทำไมต้องสอบ SAT

การสอบ SAT เป็นการทดสอบที่สำคัญสำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ที่ใช้คะแนน SAT เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้สมัคร นอกจากนี้ยังมีความสำคัญอื่น ๆ เช่น

  1. การประเมินความสามารถทางวิชาการ เนื่องจาก SAT ถูกออกแบบมาเพื่อวัดทักษะทางวิชาการในด้านต่าง ๆ เช่น การอ่าน การเขียน และคณิตศาสตร์ โดยจะช่วยให้มหาวิทยาลัยสามารถประเมินความสามารถของผู้สมัครได้อย่างเป็นระบบ
  2. เพิ่มโอกาสในการได้รับทุนการศึกษา เพราะคะแนน SAT ที่สูงสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับทุนการศึกษา เนื่องจากหลายมหาวิทยาลัยและองค์กรมอบทุนให้กับนักเรียนที่มีผลคะแนนดี
  3. การเตรียมตัวสำหรับการศึกษาต่อ การสอบ SAT จะช่วยให้นักเรียนพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
  4. มีความยืดหยุ่นในการสมัครเรียนในที่ต่าง ๆ เนื่องจาก SAT เป็นข้อสอบที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทำให้นักเรียนสามารถใช้คะแนนนี้ในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยหลายแห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

Digital SAT คืออะไร

Digital SAT คือรูปแบบใหม่ของการสอบ SAT ที่เพิ่งจะเริ่มใช้ในปี 2024 โดยจะมีการจัดสอบในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งหมายความว่านักเรียนจะสามารถทำข้อสอบผ่านคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตแทนที่จะเป็นกระดาษ การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การสอบมีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงลดปัญหาด้านโลจิสติกส์ในการจัดสอบ

Digital SAT กับ SAT ต่างกันยังไง

  • รูปแบบการสอบ: Digital SAT จะทำผ่านอุปกรณ์ดิจิทัล ขณะที่ SAT แบบเดิมจะทำบนกระดาษ
  • ระยะเวลาในการสอบ: Digital SAT จะมีระยะเวลาสอบที่สั้นลง โดยจากเดิมใช้เวลาสอบ 3 ชั่วโมง ก็จะลดเหลือเพียง 2 ชั่วโมง
  • รูปแบบข้อสอบ: ในส่วนของข้อสอบการเอ่านและการเขียน SAT รูปแบบเดิมจะเป็น Passage ยาว ๆ และมีคำถามที่เกี่ยวข้องหลายข้อ ส่วน Digital SAT จะปรับให้มี Passage ที่สั้นกว่าเดิม ส่วนคำถามก็จะมีเพียงแค่ 1 Passage ต่อ 1 ข้อ เท่านั้น

รอบสอบ SAT 2025

สำหรับปี 2025 การสอบ SAT จะยังคงมีอยู่ แต่จะเริ่มมีรูปแบบ Digital SAT ที่ถูกนำมาใช้แทนรูปแบบกระดาษ โดยนักเรียนควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยทั่วไปแล้ว การสอบ SAT จะจัดขึ้นหลายรอบต่อปี นักเรียนสามารถตรวจสอบวันที่จัดสอบได้จากเว็บไซต์ของ College Board ซึ่งมักจะประกาศล่วงหน้าเป็นประจำทุกปี นักเรียนควรเลือกวันสอบที่เหมาะสมกับตารางเรียนและเวลาที่มีในการเตรียมตัว

SAT ตารางสอบปี 2025

  • วันสอบ 8 มีนาคม 2568 สมัครภายใน 21 กุมภาพันธ์ 2568
  • วันสอบ 3 พฤษภาคม 2568 สมัครภายใน 18 เมษายน 2568
  • วันสอบ 7 มิถุนายน 2568 สมัครภายใน 22 พฤษภาคม 2568

SAT สอบอะไรบ้าง

การสอบ SAT แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ภาษาอังกฤษ (Reading & Writing) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ภาษาอังกฤษ

ในส่วนของข้อสอบ SAT Verbal ซึ่งประกอบด้วยการทดสอบทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ (Reading & Writing) จะมุ่งเน้นในการประเมินความสามารถในการคิดวิเคราะห์และการตีความข้อมูลจากข้อความต่าง ๆ โดยจะมีการวัดผ่านการทำความเข้าใจโจทย์และการเติมเต็มองค์ประกอบของประโยคให้สมบูรณ์ ข้อสอบนี้แบ่งออกเป็น 4 หมวดหมู่หลักคือ Information and Ideas, Craft and Structure, Expression of Ideas และ Standard English Conventions

  • คะแนนเต็ม: 800 คะแนน
  • ระยะเวลาสอบ: 64 นาที
  • จำนวนคำถาม: 54 คำถาม โดยแบ่งเป็น
  • Module 1: 27 คำถาม ใช้เวลา 32 นาที
  • Module 2: 27 คำถาม ใช้เวลา 32 นาที

2. คณิตศาสตร์ (Mathematics)

หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนระบบการสอบเป็น Digital SAT ผู้สอบได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขในการคำนวณทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่มีบางส่วนที่ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลข โดยเครื่องคิดเลขที่สามารถใช้ได้จะเป็นเครื่องคิดเลขที่ติดตั้งในแอปพลิเคชัน Bluebookสำหรับเนื้อหาการสอบ SAT Math จะแบ่งออกเป็น 4 หมวดหมู่หลัก คือ Algebra, Advanced Math, Problem Solving and Data Analysis และ Geometry and Trigonometry

  • คะแนนเต็ม: 800 คะแนน
  • ระยะเวลาสอบ: 70 นาที
  • จำนวนคำถาม: 44 คำถาม โดยแบ่งเป็น
  • Module 1: 22 คำถาม ใช้เวลา 35 นาที
  • Module 2: 22 คำถาม ใช้เวลา 35 นาที

วิธีการเตรียมตัวสำหรับการสอบ SAT

  1. กำหนดคะแนนเป้าหมาย: ตั้งเป้าหมายคะแนนที่ต้องการตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยที่ต้องการสมัคร
  2. ทำตารางติว: วางแผนเวลาในการศึกษาหรือเตรียมตัวอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถทบทวนเนื้อหาได้อย่างทั่วถึง
  3. ฝึกทำข้อสอบบ่อย ๆ: การฝึกทำข้อสอบจริงหรือข้อสอบเก่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและทำให้คุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ
  4. เรียนรู้จุดอ่อนของตัวเอง: หลังจากทำข้อสอบ ควรตรวจสอบคำตอบที่ผิด เพื่อหาจุดอ่อนและพัฒนาต่อไป

เทคนิคเตรียมตัวก่อนสอบ SAT ด้วยตัวเอง

  1. ทบทวนเนื้อหาที่สำคัญ: เน้นทบทวนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับข้อสอบ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และกลยุทธ์ในการทำข้อสอบ
  2. เรียนรู้กลยุทธ์การทำข้อสอบ: เช่น การบริหารเวลา การเลือกตอบ และเทคนิคในการอ่านโจทย์อย่างรวดเร็ว
  3. ลงคอร์สติวหรือเรียนออนไลน์: หากต้องการเพิ่มความมั่นใจ อาจพิจารณาลงคอร์สติวเพื่อเตรียมตัวอย่างเข้มข้น

สอบ SAT ราคาเท่าไหร่

ค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ SAT ประมาณ $111 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 4,000 บาทต่อวิชา แต่ค่าใช้จ่ายอาจแตกต่างกันไปตามบริการเพิ่มเติม เช่น การส่งคะแนนไปยังมหาวิทยาลัยหรือบริการพิเศษอื่น ๆ นักเรียนควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายได้จากเว็บไซต์ College Board

การเตรียมตัวสำหรับการสอบ SAT เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่หากคุณมีแผนการศึกษาและกลยุทธ์ที่ชัดเจน โอกาสในการประสบความสำเร็จก็จะสูงขึ้น อย่าลืมตั้งเป้าหมาย ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และด้วยการวางแผนที่ดี คุณก็จะมีโอกาสทำคะแนนได้ตามเป้าหมาย ขอให้ทุกคนโชคดีในการสอบนะคะ

Related post

Study in US

Ivy League เข้ายากไหม? เด็กไทยมีโอกาสสอบติดหรือเปล่า

น้องๆ หลายคนที่ได้ยินคำว่า "Ivy League" แล้วอาจจะรู้สึก…

อ่านต่อ

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

ส่งลูกเรียนต่างประเทศ ที่ไหนดี? เปรียบเทียบ US vs UK

คำถามของหลายครอบครัวที่กำลังมองหาที่เรียนในอนาคตให้กับล…

อ่านต่อ

Study in US

7 เมืองน่าอยู่ในอเมริกา ที่น่าไปเรียนต่อ ป. ตรี

ทำไมอเมริกาถึงน่าเรียนต่อ? เมืองน่าอยู่ในอเมริกาสำหรับเ…

อ่านต่อ