การสอบ SAT (Scholastic Assessment Test) เป็นการทดสอบที่สำคัญสำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ การสอบนี้มีความสำคัญต่อการประเมินความสามารถทางวิชาการของนักเรียนและเป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยใช้ในการพิจารณาเข้าศึกษา ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ SAT และวิธีการเตรียมตัวสำหรับการสอบให้ประสบความสำเร็จ
SAT คืออะไร
SAT เป็นการทดสอบมาตรฐานที่จัดทำโดย College Board ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความสามารถทางวิชาการของนักเรียนระดับมัธยมปลาย โดยการสอบจะเน้นไปที่ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ การอ่าน (Reading), การเขียนและการใช้ภาษา (Writing and Language), และคณิตศาสตร์ (Mathematics) คะแนนเต็มของ SAT อยู่ที่ 1600 คะแนน โดยคะแนนในแต่ละส่วนจะอยู่ในช่วง 200-800 คะแนน
ทำไมต้องสอบ SAT
การสอบ SAT เป็นการทดสอบที่สำคัญสำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ที่ใช้คะแนน SAT เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้สมัคร นอกจากนี้ยังมีความสำคัญอื่น ๆ เช่น
- การประเมินความสามารถทางวิชาการ เนื่องจาก SAT ถูกออกแบบมาเพื่อวัดทักษะทางวิชาการในด้านต่าง ๆ เช่น การอ่าน การเขียน และคณิตศาสตร์ โดยจะช่วยให้มหาวิทยาลัยสามารถประเมินความสามารถของผู้สมัครได้อย่างเป็นระบบ
- เพิ่มโอกาสในการได้รับทุนการศึกษา เพราะคะแนน SAT ที่สูงสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับทุนการศึกษา เนื่องจากหลายมหาวิทยาลัยและองค์กรมอบทุนให้กับนักเรียนที่มีผลคะแนนดี
- การเตรียมตัวสำหรับการศึกษาต่อ การสอบ SAT จะช่วยให้นักเรียนพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
- มีความยืดหยุ่นในการสมัครเรียนในที่ต่าง ๆ เนื่องจาก SAT เป็นข้อสอบที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทำให้นักเรียนสามารถใช้คะแนนนี้ในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยหลายแห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
Digital SAT คืออะไร
Digital SAT คือรูปแบบใหม่ของการสอบ SAT ที่เพิ่งจะเริ่มใช้ในปี 2024 โดยจะมีการจัดสอบในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งหมายความว่านักเรียนจะสามารถทำข้อสอบผ่านคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตแทนที่จะเป็นกระดาษ การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การสอบมีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงลดปัญหาด้านโลจิสติกส์ในการจัดสอบ
Digital SAT กับ SAT ต่างกันยังไง
- รูปแบบการสอบ: Digital SAT จะทำผ่านอุปกรณ์ดิจิทัล ขณะที่ SAT แบบเดิมจะทำบนกระดาษ
- ระยะเวลาในการสอบ: Digital SAT จะมีระยะเวลาสอบที่สั้นลง โดยจากเดิมใช้เวลาสอบ 3 ชั่วโมง ก็จะลดเหลือเพียง 2 ชั่วโมง
- รูปแบบข้อสอบ: ในส่วนของข้อสอบการเอ่านและการเขียน SAT รูปแบบเดิมจะเป็น Passage ยาว ๆ และมีคำถามที่เกี่ยวข้องหลายข้อ ส่วน Digital SAT จะปรับให้มี Passage ที่สั้นกว่าเดิม ส่วนคำถามก็จะมีเพียงแค่ 1 Passage ต่อ 1 ข้อ เท่านั้น
รอบสอบ SAT 2025
สำหรับปี 2025 การสอบ SAT จะยังคงมีอยู่ แต่จะเริ่มมีรูปแบบ Digital SAT ที่ถูกนำมาใช้แทนรูปแบบกระดาษ โดยนักเรียนควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยทั่วไปแล้ว การสอบ SAT จะจัดขึ้นหลายรอบต่อปี นักเรียนสามารถตรวจสอบวันที่จัดสอบได้จากเว็บไซต์ของ College Board ซึ่งมักจะประกาศล่วงหน้าเป็นประจำทุกปี นักเรียนควรเลือกวันสอบที่เหมาะสมกับตารางเรียนและเวลาที่มีในการเตรียมตัว
SAT ตารางสอบปี 2025
- วันสอบ 8 มีนาคม 2568 สมัครภายใน 21 กุมภาพันธ์ 2568
- วันสอบ 3 พฤษภาคม 2568 สมัครภายใน 18 เมษายน 2568
- วันสอบ 7 มิถุนายน 2568 สมัครภายใน 22 พฤษภาคม 2568
SAT สอบอะไรบ้าง
การสอบ SAT แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ภาษาอังกฤษ (Reading & Writing) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ภาษาอังกฤษ
ในส่วนของข้อสอบ SAT Verbal ซึ่งประกอบด้วยการทดสอบทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ (Reading & Writing) จะมุ่งเน้นในการประเมินความสามารถในการคิดวิเคราะห์และการตีความข้อมูลจากข้อความต่าง ๆ โดยจะมีการวัดผ่านการทำความเข้าใจโจทย์และการเติมเต็มองค์ประกอบของประโยคให้สมบูรณ์ ข้อสอบนี้แบ่งออกเป็น 4 หมวดหมู่หลักคือ Information and Ideas, Craft and Structure, Expression of Ideas และ Standard English Conventions
- คะแนนเต็ม: 800 คะแนน
- ระยะเวลาสอบ: 64 นาที
- จำนวนคำถาม: 54 คำถาม โดยแบ่งเป็น
- Module 1: 27 คำถาม ใช้เวลา 32 นาที
- Module 2: 27 คำถาม ใช้เวลา 32 นาที
2. คณิตศาสตร์ (Mathematics)
หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนระบบการสอบเป็น Digital SAT ผู้สอบได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขในการคำนวณทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่มีบางส่วนที่ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลข โดยเครื่องคิดเลขที่สามารถใช้ได้จะเป็นเครื่องคิดเลขที่ติดตั้งในแอปพลิเคชัน Bluebookสำหรับเนื้อหาการสอบ SAT Math จะแบ่งออกเป็น 4 หมวดหมู่หลัก คือ Algebra, Advanced Math, Problem Solving and Data Analysis และ Geometry and Trigonometry
- คะแนนเต็ม: 800 คะแนน
- ระยะเวลาสอบ: 70 นาที
- จำนวนคำถาม: 44 คำถาม โดยแบ่งเป็น
- Module 1: 22 คำถาม ใช้เวลา 35 นาที
- Module 2: 22 คำถาม ใช้เวลา 35 นาที
วิธีการเตรียมตัวสำหรับการสอบ SAT
- กำหนดคะแนนเป้าหมาย: ตั้งเป้าหมายคะแนนที่ต้องการตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยที่ต้องการสมัคร
- ทำตารางติว: วางแผนเวลาในการศึกษาหรือเตรียมตัวอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถทบทวนเนื้อหาได้อย่างทั่วถึง
- ฝึกทำข้อสอบบ่อย ๆ: การฝึกทำข้อสอบจริงหรือข้อสอบเก่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและทำให้คุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ
- เรียนรู้จุดอ่อนของตัวเอง: หลังจากทำข้อสอบ ควรตรวจสอบคำตอบที่ผิด เพื่อหาจุดอ่อนและพัฒนาต่อไป
เทคนิคเตรียมตัวก่อนสอบ SAT ด้วยตัวเอง
- ทบทวนเนื้อหาที่สำคัญ: เน้นทบทวนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับข้อสอบ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และกลยุทธ์ในการทำข้อสอบ
- เรียนรู้กลยุทธ์การทำข้อสอบ: เช่น การบริหารเวลา การเลือกตอบ และเทคนิคในการอ่านโจทย์อย่างรวดเร็ว
- ลงคอร์สติวหรือเรียนออนไลน์: หากต้องการเพิ่มความมั่นใจ อาจพิจารณาลงคอร์สติวเพื่อเตรียมตัวอย่างเข้มข้น
สอบ SAT ราคาเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ SAT ประมาณ $111 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 4,000 บาทต่อวิชา แต่ค่าใช้จ่ายอาจแตกต่างกันไปตามบริการเพิ่มเติม เช่น การส่งคะแนนไปยังมหาวิทยาลัยหรือบริการพิเศษอื่น ๆ นักเรียนควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายได้จากเว็บไซต์ College Board
การเตรียมตัวสำหรับการสอบ SAT เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่หากคุณมีแผนการศึกษาและกลยุทธ์ที่ชัดเจน โอกาสในการประสบความสำเร็จก็จะสูงขึ้น อย่าลืมตั้งเป้าหมาย ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และด้วยการวางแผนที่ดี คุณก็จะมีโอกาสทำคะแนนได้ตามเป้าหมาย ขอให้ทุกคนโชคดีในการสอบนะคะ