“เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”
.
เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้อ่านหนังสือชื่อ “HOME RUN แพ้กี่ครั้งไม่สำคัญ ขอตีโฮมรันครั้งเดียวพอ” ของพี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ ในตอนหนึ่ง พี่โจ้เล่าถึงเรื่อง Why us ของธุรกิจสินเชื่อกระเป๋าแบรนด์เนม bagforcash พร้อมกับบอกว่า “เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”
.
ทันทีที่ผมอ่านตอนนี้จบ ผมนึกถึงน้องๆ ที่กำลังจะสมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง Harvard, MIT, Stanford, Oxford, Cambridge ขึ้นมาทันทีเลยครับ
.
เพราะมหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ได้มองหาคนมาจ่ายเงินค่าเทอมมา “รับ” ความรู้และ Network ดีดีอย่างเดียว ถ้าต้องการแค่เงิน ผู้สมัครคนไหนก็ให้ได้ แต่มหาวิทยาลัยเหล่านี้มองหาคนที่จะมา “ให้” ต่างหาก เช่น ให้ความรู้เพื่อนร่วมชั้น ให้แรงบันดาลใจเพื่อนร่วมชั้น สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้แก่มหาวิทยาลัย ทั้งตอนเป็นนักเรียน และหลังเรียนจบไปแล้ว
.
คนแบบนี้ต่างหาก ที่ทำให้มหาวิทยาลัยยังมีคุณค่าต่อไปในโลกอนาคต และนั่นคือเหตุผลที่มหาวิทยาลัยระดับโลกจะถามคำถามในส่วนของ Supplemental essay ว่าลูกของเราจะให้อะไรกับมหาวิทยาลัยนี้ได้บ้าง?
.
เช่น Harvard ใน Application cycle 2025/2026 ถามว่า “How will the life experiences that shaped you enable you to contribute to the diverse perspectives and experiences at Harvard?”
.
ส่วน Stanford ถามว่า “Please describe what aspects of your life experiences, interests and character would help you make a distinctive contribution as an undergraduate to Stanford University.”
.
การจะตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้อย่างโดดเด่น ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึง 3 เรื่องนี้ครับ
.
- ต้องเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยต้องการอะไร?
พี่โจ้เขียนไว้ในหนังสือว่า การคิด Why us ของธุรกิจนั้น เราจะมโนนึกแต่จุดแข็งตัวเองที่ตนภาคภูมิใจ โดยไม่เข้าใจลูกค้าก็ไม่ได้ ผมคิดว่าการสมัครมหาวิทยาลัยก็เช่นกัน เราห้ามเขียนแค่ในสิ่งที่เราภูมิใจ แต่ต้องตอบโจทย์ที่มหาวิทยาลัยมองหา
.
แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าแต่ละมหาวิทยาลัยต้องการอะไร? การเปิดดู Website หรือ YouTube ของแต่ละมหาวิทยาลัยอย่างเดียวไม่พอครับ เพราะทุกๆ มหาวิทยาลัยก็มีเนื้อหาใน Website และ YouTube ดูคล้ายๆ กันหมด ผู้สมัครคนไหนก็ลอกประโยคเหล่านั้นมาเขียนใน Essay ของตัวเองได้
.
สิ่งที่ช่วยได้จริง ๆ คือ การพูดคุยกับรุ่นพี่นักเรียนปัจจุบันและศิษย์เก่าที่เรียนที่แต่ละมหาวิทยาลัยมาจริงๆ เพื่อเรียนรู้ Culture อย่างถ่องแท้ ว่ามหาวิทยาลัยต้องการคน Character แบบไหน? และเรียนรู้ Insight ต่างๆ เช่น ปีนี้ มหาวิทยาลัยอาจมีคนสาย Tech น้อย และอยากรับนักเรียนสายนี้เพิ่ม หรือปีนี้ ชมรม Healthcare ไม่ค่อย Active เลยอาจอยากได้คนสายนี้มา Lead ชมรม เป็นต้น
.
ถ้าลูกของคุณพ่อคุณแม่ยังหารุ่นพี่นักเรียนปัจจุบันและศิษย์เก่าไม่ได้ ที่ EverLearnX เรามีเครือข่ายจากทุกมหาวิทยาลัยระดับโลก พร้อมช่วยให้ลูกเข้าใจมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งแบบเจาะลึกครับ
. - ต้องรู้ว่าเราจะให้อะไรแก่มหาวิทยาลัยแบบเฉพาะเจาะจง
.
คำว่าให้ ไม่ได้แปลว่า เดี๋ยวจะช่วย Participate ในห้องเรียนเยอะๆ ช่วยเพื่อนทำงานกลุ่มอย่างจริงจังครับ แต่ต้องชัดแบบเฉพาะเจาะจง เช่น ลูกของเราอยากจะช่วยให้มุมมองที่ดีดีในคลาสเรียนไหนได้บ้าง? ลูกของเราจะเข้าไปมีบทบาทในชมรมไหนเป็นพิเศษ? หรือลูกของเราจะก่อตั้ง Project อะไรให้เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย?
.
เพราะสิ่งที่มหาวิทยาลัยอยากเห็นคือการที่ลูกของเราไปเรียนที่นั่นจะทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เปลี่ยนไปอย่างไรบ้างแบบเห็นภาพ
. - ต้องตอบให้ได้ว่าทำไมถึงต้องเป็นเรา?
ผู้สมัครทั่วโลกสมัครเข้ามาในแต่ละมหาวิทยาลัย ทั้งจากจีน อินเดีย เกาหลี อเมริกา ยุโรป ฯลฯ แทบทุกคนเก่งหมด แทบทุกคนมีคะแนนดีมาก และแทบทุกคนก็เคยทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ให้มหาวิทยาลัยเชื่อว่าเขามีความสามารถที่จะ “ให้” อย่างที่บอกในข้อ 2 จริงๆ
.
ทำให้ …
ใครๆ ก็ทำ VDO Content
ใครๆ ก็ทำ Research
ใครๆ ก็ทำ CSR / Volunteer
.
ทีนี้ สิ่งที่จะทำให้ลูกของเราแตกต่างคือ เหตุผลเบื้องหลังที่ลูกทำสิ่งๆ นั้น และการลงมือทำอย่างต่อเนื่องมานานแล้วในสิ่งๆ นั้น
.
ยกตัวอย่างเช่น น้องคนหนึ่งทำ VDO สอนวิชา Coding ลง TikTok และ YouTube ดูเผิน ๆ ก็อาจเหมือนกับที่คนอื่นทำ แต่ถ้าน้องคนนี้ เคยเติบโตมาในชุมชนที่ไม่มีใครสอนน้องเรื่องนี้ ต้องเรียนเองจาก YouTube ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษล้วน ช่วงแรกทรมานเพราะต้องเรียนรู้แบบงูๆ ปลาๆ หลังจากเรียนต่อเนื่อง เริ่มเข้าใจมากขึ้น จึงอยากให้คนอื่นๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันมีโอกาสดีกว่าตนเอง น้องเลยตั้งใจทำ VDO สอน Coding แบบอธิบายง่ายๆ ให้เด็กวัยเดียวกันเข้าใจ แล้วทำต่อเนื่องทุกสัปดาห์มา 3 ปี จนมีผู้ติดตามหลายพันคน
.
แบบนี้ครับ คือสิ่งที่ไม่ใช่ใครๆ ก็ทำได้ เพราะน้อยคนจะเคยเจออุปสรรคแบบน้อง น้อยคนที่จะทุ่มเทให้เรื่องนี้ขนาดนี้ และน้อยคนจะเริ่มได้เร็วกว่านี้
.
สุดท้าย น้องสอบติดมหาวิทยาลัยระดับ Ivy League
.
ในหนังสือ HOME RUN พี่โจ้ยังแนะนำอีกว่า พอเราเขียน Why us เสร็จแล้ว ก็ควรให้คนอื่นดู ถ้าเขาดูแล้วเฉยๆ ก็แสดงว่า Why us ของเรายังไม่เด่นพอ
.
การสมัครเข้ามหาวิทยาลัยระดับโลกก็เช่นกัน ลูกของเราต้องยกมือให้กรรมการเห็น ต้องสะดุดตา และกรรมการที่อ่านต้องจำลูกได้ ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องการคนช่วยดู ว่า Why us ของลูกเด่นพอหรือยัง ด้วยสายตาและประสบการณ์ของรุ่นพี่และ Native Consultant ที่เคยสอบติดและส่งน้องๆ สอบติดมาก่อน สามารถปรึกษา EverLearnX ได้เลยครับ
.
🧑🎓💼อยากให้ลูกได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในฝัน? สามารถปรึกษาฟรีเพื่อวางแผนการสมัครได้ที่🔽
https://lin.ee/5LArdAx
.
📍ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.everlearnx.com
.
🏆การันตีความสำเร็จโดยพี่ๆ ที่เคยติด Harvard, Stanford, Wharton, MIT, Columbia, UCLA, Oxford, Cambridge ช่วยแนะแนวทางให้ลูกแบบเจาะลึก