“สุกี้ตี๋น้อย”
.
ผมมีโอกาสไปร่วมฟังบรรยายของคุณเฟิร์น นัทธมน เจ้าของแบรนด์สุกี้ตี๋น้อย ที่จัดโดย HOW ของพี่โจ้ ธนา และพี่กระทิง เรืองโรจน์
.
ฟังจบแล้ว ผมรู้สึกว่า เรื่องราวของคุณเฟิร์นน่าจะเป็นบทเรียนที่ดีให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังวางแผนส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศได้ครับ
.
คุณเฟิร์นเริ่มต้นธุรกิจสุกี้บุฟเฟ่ต์ตอนอายุ 25 ไม่มีเงินทุน ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีแผนธุรกิจ มีแค่ใจที่มุ่งมั่นกับพื้นที่ว่างเล็กๆ ของร้านอาหารของคุณพ่อที่ผู้เช่าเดิมย้ายออกไป
.
จนวันนี้ กลายมาเป็นแบรนด์ที่มีสาขากว่า 85 สาขา สร้างรายได้ 7,000 ล้านบาท และพนักงานนับพันชีวิต
.
ฟังดูอาจไม่เกี่ยวกับการเรียนต่างประเทศ แต่จริงๆ แล้ว มันเหมือนกันมากๆ เลยครับ
.
วันนี้ ผมขอเล่า 3 บทเรียนจากสุกี้ตี๋น้อย ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำมาใช้ในการวางแผนอนาคตให้ลูกได้เลยครับ
.
- เริ่มให้ได้ก่อน
การสมัครมหาวิทยาลัยระดับโลกนั้น มีส่วนที่ต้องทำหลายอย่าง เช่น คะแนน IB/AP/A-Level, คะแนน SAT/ACT, คะแนน IELTS/TOEFL, การทำกิจกรรมต่างๆ ให้โดดเด่น, Online Application Form, Essay เป็นต้น
.
ลูกของคุณพ่อคุณแม่ อาจมีความคิดว่า เดี๋ยวทำส่วนหนึ่งให้จบก่อน ให้ Perfect ก่อน แล้วค่อยทำส่วนถัดไป เช่น เดี๋ยวรอ IELTS ให้ได้คะแนนดีดีก่อน ค่อยสอบ SAT, เดี๋ยวเอา SAT ให้จบก่อน ค่อยเริ่มทำกิจกรรมให้โดดเด่น เป็นต้น
.
ผมอยากแนะนำว่า ถ้ารอให้ส่วนใดส่วนหนึ่งพร้อม 100% ก่อน แล้วค่อยเริ่มส่วนถัดไป อาจจะสายเกินไปครับ เช่น มัวแต่ทำคะแนน SAT จนเหลือเวลาแค่ 6 เดือนในการทำกิจกรรมนอกเวลา ทำให้สิ่งที่ทำไม่ได้มี Impact และไม่ได้แสดงหลักฐานที่ Strong ว่าน้องมี Passion ในเรื่องใดๆ จริงๆ สุดท้ายก็สอบไม่ติดแม้จะมี SAT สูงก็ตาม
.
ตอนอายุ 25 คุณเฟิร์นไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าชอบสุกี้ แต่รู้ว่าอยากออกจากงานประจำ มาทำธุรกิจที่ Mass และ Scalable
.
คุณเฟิร์นเริ่มจากหน้าร้านอาหารของคุณพ่อ ที่คนเช่าเดิมเพิ่งออก ช่วงแรกที่ทำ ก็ไม่มีลูกค้า ก็ต้องเรียกคนมากินฟรี พนักงานก็มีแค่คุณเฟิร์นกับพี่หมวย (แม่ครัว) อีกคน คุณเฟิร์นก็ซื้อผัก ซื้อหมู และวัตถุดิบต่างๆ ที่ตลาดเอง เสิร์ฟอาหารเอง และตอบ Inbox เอง
.
ทำไปสักพัก เริ่มขยายไปสาขา 3,4,5 แต่ก็ยังไม่มีระบบ ทำให้ถูกโกงไปหลายครั้ง แต่จากการลงมือทำจริง เจ็บจริง ใส่ใจทุกรายละเอียด ก็ค่อยๆ เรียนรู้ปรับปรุงแก้ไขไปทีละอย่าง จนวันนี้ กลายเป็นร้านระดับประเทศไปแล้ว
.
การเรียนต่างประเทศก็เช่นกัน ไม่ต้องรอให้ส่วนใดส่วนหนึ่ง Perfect ก่อน แล้วค่อย Move on ส่วนถัดไป แต่ต้องเริ่มวันนี้เลย ทำสิ่งที่ทำได้ไปพร้อมๆ กัน แล้วค่อยๆ เติมให้ครบและปรับกันไปในระหว่างทาง
. - ใช้ของที่มีให้ดีที่สุด
น้ำจิ้มสุกี้ตี๋น้อยไม่ได้เริ่มจากเชฟระดับโลก วัตถุดิบระดับประเทศ แต่เริ่มจากคุณเฟิร์นกับพี่หมวยนั่งปอกและสับกระเทียมหลังร้าน ลองผิดลองถูก จนได้สูตรที่วันนี้กลายเป็นหัวใจของแบรนด์ ผลิตน้ำจิ้มวันละ 8 ตันมาเสิร์ฟลูกค้า
.
กับการสมัครมหาวิทยาลัยก็ไม่ต่างกันเลยครับ
.
ลูกอาจจะไม่ได้มี Profile ยิ่งใหญ่ ไม่ได้ชนะโอลิมปิก ไม่ได้เป็นนักกิจกรรมตัวยง แต่พี่เมฆพบว่า น้องๆ ทุกคน มีของดีในตัวเสมอ แค่ต้องรู้ว่าจะดึงเรื่องไหนออกมาขายมหาวิทยาลัยและดึงออกมาแสดงอย่างไร
.
ผมเคยช่วยน้องคนหนึ่ง เป็นเด็กที่เรียนปานกลาง ไม่ชอบทำกิจกรรม ไม่ชอบแข่งขันวิชาการ ไม่ชอบเล่นกีฬา คุณพ่อคุณแม่กังวลมากๆ เมื่อเทียบกับเพื่อนของลูกที่ทำอะไรต่างๆ มากมาย
.
แต่ผมพบว่า น้องเป็นคนรักไวโอลินมากๆ
.
เราเลยเริ่มจากสิ่งที่มี ผมแนะนำให้น้องอัดคลิปเล่นไวโอลินเพลงโปรดของน้อง ลง YouTube ให้ผู้ชมฟังเพื่อผ่อนคลายก่อนนอน
.
นอกจากนี้ ผมแนะนำให้น้องเป็นผู้บริหาร Music Club ของโรงเรียน และจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
.
นอกจากนี้ ผมช่วยให้น้องเชื่อมเรื่องดนตรีกับสาขาที่อยากเรียน นั่นคือ Psychology ผมแนะนำให้น้องไปทำ Internship กับคลินิกจิตเวช เพื่อเรียนรู้ว่าดนตรีสะท้อนความเข้าใจอารมณ์ของคนอย่างไร ช่วยทำให้คนสนิทกันมากขึ้นอย่างไร ช่วยบำบัดจิตใจคนได้อย่างไร
.
สุดท้ายน้องสอบติด UCLA และคุณพ่อคุณแม่ก็บอกผมว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าแค่เล่นไวโอลินจะกลายเป็นจุดขายของลูกได้จริงๆ
.
คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูก List สิ่งที่ลูกเคยทำออกมา แล้วมองภาพใหญ่ พยายามเชื่อมเรื่องราว ค้นหาเหตุผลของการทำแต่ละอย่างเหล่านั้นเข้าด้วยกันให้ได้ มันมักจะฉายแววความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นตัวตนของลูกออกมาเสมอครับ
. - เข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง
ตอนเปิดสาขาที่สอง คุณเฟิร์นไม่เลือกทำร้านตามตลาดทั่วไป แต่เลือก “ไนท์คลับเก่า” ที่มีเพดานสูง ห้องน้ำหรู แอร์เย็น และที่จอดรถกว้างขวาง
.
ในขณะที่ร้านอื่นๆ ไม่มีแอร์ หาที่จอดก็ลำบาก ให้ลูกค้าตักอาหารเอง สุกี้ตี๋น้อยกลับมีพนักงานมาเสิร์ฟอาหารถึงโต๊ะ เสิร์ฟแบบไม่กั๊กด้วย ในราคาที่เท่าๆ กัน คือ 199 บาท
.
ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าขนาดนี้ ลูกค้าก็ไหลมาเทมาต่อเนื่องเลยครับ
.
เหมือนกับการสมัครมหาวิทยาลัยเลยครับ มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งก็มีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน บางแห่งมองหาเด็กนักกิจกรรม บางแห่งอยากได้เด็กวิชาการ บางแห่งให้ความสำคัญกับ Passion บางแห่งดู Leadership เป็นหลัก
.
ถ้าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจสิ่งที่แต่ละมหาวิทยาลัยต้องการ ก็สามารถแนะนำลูกให้ปรับการทำกิจกรรมต่างๆ และการเขียน Essay ให้ตอบโจทย์ได้อย่างแม่นยำ
.
ผมจึงมักแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกมาร่วมกิจกรรม Workshop ต่างๆ ของ EverLearnX เพื่อให้ได้พูดคุยกับรุ่นพี่ที่จบจากมหาวิทยาลัยระดับโลก เพื่อให้ลูกเข้าใจว่า มหาวิทยาลัยแต่ละที่มองหาอะไรจริงๆ ครับ
.
สุดท้ายนี้ คนที่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยระดับโลก ไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่เป็นคนที่ “เริ่มก่อน” “เข้าใจตัวเอง” และ “เข้าใจมหาวิทยาลัย” เหมือนสุกี้ตี๋น้อยที่เริ่มจากโต๊ะ 10 ตัวจนกลายเป็นแบรนด์ยอดขายเกือบหมื่นล้าน
.
ลูกของคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ในวันนี้ และก้าวสู่ Top U ได้ในวันพรุ่งนี้ครับ
.
🧑🎓💼อยากให้ลูกได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในฝัน? สามารถปรึกษาฟรีเพื่อวางแผนการสมัครได้ที่🔽
Line OA: @everlearnx
.
📍ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.everlearnx.com
.
🏆การันตีความสำเร็จโดยพี่ๆ ที่เคยติด Harvard, Stanford, Wharton, MIT, Columbia, UCLA, Oxford, Cambridge ช่วยแนะแนวทางให้ลูกแบบเจาะลึก
.



