13 สิ่งที่คนสอบติด Ivy League ไม่ทำ (ตอนที่ 2)

Study Abroad FAQs, Study in US

August 21, 2025

“13 สิ่งที่คนสอบติด Ivy League ไม่ทำ (ตอนที่ 2)“
.
หลังจากบทความก่อนหน้า ผมได้แชร์ 6 สิ่งที่คนสอบติดมหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ทำกัน วันนี้ ผมขอมอบอีก 7 สิ่งที่เหลือให้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน นำไปเล่าสู่กันฟังให้กับลูกที่กำลังวางแผนสมัครมหาวิทยาลัยระดับโลกครับ
.
บทความนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ “13 Things Mentally Strong People Don’t Do” โดย Amy Morin นักจิตบำบัดและผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมครับ
.
มาต่อกันที่ข้อ 7 เลยครับ
.

  1. ไม่ยึดติดอยู่กับอดีต
    น้องๆ หลายคน เคยมีอดีตที่ทำให้หมดความมั่นใจ เช่น เคยสอบ SAT แล้วคะแนนน้อย, คะแนน A-Level บางวิชาได้ไม่สูง, ลงแข่งขัน Award ต่างๆ แล้วก็แพ้ประจำ แล้วก็เลยรู้สึกว่า “เราไม่ดีพอ” แน่นอนครับว่า ต่อให้เป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดก็คงเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คนเหล่านั้น มักจะเสียใจชั่วครู่เดียว แล้วก็ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ ความผิดพลาดในอดีตไม่ใช่เครื่องหมายยืนยันว่าลูกจะพลาดตลอดไป คนจิตใจเข้มแข็งจะไม่ปล่อยให้อดีตผูกติดไปกับอนาคต แต่คนเหล่านั้น จะใช้ความผิดพลาดเป็นการเรียนรู้ แล้วเดินหน้าต่อด้วยกลยุทธ์ใหม่ที่ดีกว่าเดิม
    .
  2. ไม่ทำพลาดแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก
    ถ้าเคยสอบ SAT มาแล้วหลายรอบ แต่คะแนนยังไม่ขยับ ซึ่งลูกอ่านเองมานานพอสมควรแล้ว ก่อนสอบครั้งหน้า ก็ควรเปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว เพราะถ้าใช้วิธีเดิมก็อาจจะได้ผลลัพธ์แบบเดิม คนที่จิตใจเข้มแข็งจะไม่ทำเรื่องเดิมซ้ำๆ ให้ผิดแบบเดิมๆ แต่จะวิเคราะห์ตัวเอง แล้วลองวิธีใหม่ เช่น ถ้าอ่าน SAT เอง แล้วสอบหลายครั้งยังไม่ได้คะแนนที่พอใจ อาจลองวิธีใหม่ คือ เรียนกับ Tutor ดู ซึ่งผมแนะนำให้มาเรียนแบบตัวต่อตัวกับ EverestPrep เพราะ Tutor มีประสบการณ์สูง วางแผนการสอน และแก้จุดอ่อนให้กับนักเรียนเป็นรายบุคคล ผลลัพธ์คือนักเรียนได้คะแนนที่ต้องการพร้อมมุ่งสู่ Ivy League ครับ
    .
  3. ไม่ขุ่นเคืองในความสำเร็จของผู้อื่น
    เพื่อนสนิทของลูกสอบติด Harvard รอบ Early แล้ว ในขณะที่ลูกตกรอบและกำลังจะเตรียมสมัคร Stanford, Yale, Columbia ในรอบ Regular ถ้าลูกจะรู้สึกเจ็บนิดๆ ก็ไม่ผิดหรอกครับ ถึงลูกจะไม่ได้เกลียดเพื่อน แต่ก็คงอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตาม ลูกต้องคอยระวังไม่ให้การเปรียบเทียบนี้นำไปสู่ความรู้สึกอิจฉา เพราะมันจะทำให้ลูกของเราไม่สนใจในแผนของตัวเอง เพราะมัวแต่ไปมองเส้นทางของคนอื่น ถึงจะรู้สึกอิจฉาไปเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้เราสอบติดรอบ Early ได้แล้ว (เพราะมันผ่านไปแล้ว) และไม่ทำให้เพื่อนสอบไม่ติด Harvard ได้แล้ว (เพราะเขาสอบติดไปแล้ว) อยากให้ลูกคิดว่าความสำเร็จของเพื่อนไม่ได้แย่งที่นั่งในมหาวิทยาลัยดีดีของลูกไป แต่มองให้เป็นบทเรียนที่ช่วยวางแผนรอบ Regular ให้ดียิ่งกว่าเดิมจะดีกว่า เช่น ลองดูว่าเพื่อนเขียน Statement ยังไงให้โดนใจกรรมการ?
    .
  4. ไม่ยอมแพ้หลังจากความล้มเหลวครั้งแรก
    หลายคนตั้งเป้าจะไปเรียนต่อที่ US เตรียมตัวมาหลายเดือน แล้วไปสอบ SAT ครั้งแรก คะแนนออกมาต่ำ ไม่ถึงเป้า ก็รู้สึกเหมือนโลกพังทลาย แล้วคิดว่าไปประเทศอื่นที่ไม่ต้องสอบ SAT ดีกว่า หรือบางคนก็ทิ้งความฝัน เปลี่ยนไปสมัครมหาวิทยาลัยรองลงมาที่กำหนด SAT เป็น Optional แทน คนที่จิตใจเข้มแข็งจะไม่ทำให้ความล้มเหลวครั้งแรกหยุดฝันได้ แต่คนนั้นจะหยุดคิด วางแผนใหม่ และกลับไปสอบอีกครั้ง ด้วยวิธีที่เฉียบกว่าเดิม เช่น ปรับวิธีอ่าน จัดสรรตารางเวลาชีวิตใหม่ หรือเรียนกับ Tutor เพราะการเจอความล้มเหลวครั้งแรก ไม่ได้แปลว่าเราต้องหยุดความฝันแต่อย่างใดครับ
    .
  5. ไม่กลัวการอยู่คนเดียว
    เด็กๆ หลายคนที่เตรียมตัวสมัคร Ivy League, Oxford, Cambridge ใช้ชีวิตแบบเร่งเต็มสปีด เช่น ตื่นมาก็ติว SAT, เสาร์-อาทิตย์ไปทำกิจกรรมเสริมโปรไฟล์ เช่น อาสาสมัคร ทำ Research แถมไปจอยงาน Networking กับรุ่นพี่ศิษย์เก่าอยู่บ่อยๆ เพราะกลัวว่า ถ้าหยุดจะตามคู่แข่งคนอื่นไม่ทัน แต่เชื่อไหมครับว่า ความพยายามแบบไม่หยุดพัก อาจทำให้หลงทางโดยไม่รู้ตัว ลูกอาจทำกิจกรรมเต็มไปหมด แต่ไม่แน่ใจว่าทำไปทำไม คนจิตใจเข้มแข็งจะไม่กลัวการหยุดพักเพราะพวกเขารู้ว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่จะได้คุยกับตัวเอง ตั้งเข็มทิศให้ตรงก่อนเดินต่อ เพราะหลายๆ ครั้ง ไอเดียดีดีเกิดขึ้นตอนเราไม่ได้ตั้งใจคิดมันนี่แหละครับ
    .
  6. ไม่รู้สึกว่าโลกติดค้างอะไรพวกเขา
    น้องๆ บางคนสอบ SAT มาแล้ว 3 รอบ คะแนนก็ยังไม่ดี แข่งกิจกรรมระดับประเทศก็ไม่ได้รางวัล ก็เลยรู้สึกว่า “อย่างน้อย A-Level ก็ควรจะออกมาดีหน่อยสิ” แต่โลกไม่ได้มีระบบสมดุลแห่งความผิดหวังที่ว่า ถ้าเราผิดหวังจากเรื่องแรก เรื่องที่สองต้องสมหวังครับ โลกไม่ได้ติดค้างอะไรเราเลยครับ คนจิตใจแข็งแกร่งจะไม่ถามว่า “ทำไมเรายังไม่ได้สักที?” แต่จะถามตัวเองว่า “เรายังมีอะไรที่ต้องปรับ?” ต่างหาก เพราะสุดท้ายแล้ว ความสำเร็จไม่ได้มาหาเรา เพราะว่าเราน่าสงสาร แต่มาหาเรา เมื่อเราพยายามเพื่อมันครับ
    .
  7. ไม่คาดหวังผลลัพธ์ทันที
    น้องบางคนตั้งใจซ้อมกอล์ฟอย่างหนัก เพราะอยากได้รางวัลเป็นหลักฐานแสดง Passion แก่มหาวิทยาลัย เลยขอให้คุณพ่อคุณแม่จ้างโปรเก่งๆ มาสอน ตื่นเช้ามาเรียน ทุ่มสุดตัวกับการฝึกซ้อม แต่พอผ่านไป 20 ชั่วโมง Swing ยังไม่สวย
    คะแนนในสนามยังไม่ลดเท่าที่คาด ก็เริ่มคิดว่า “สงสัยโปรไม่เวิร์ก เปลี่ยนโปรดีกว่า” หรือ “งั้นไม่ใส่เรื่องกอล์ฟใน Profile ละ ไปทำกิจกรรมอื่นแทนดีกว่า“ นี่แหละครับ คือกับดักของคนที่หวังผลเร็วเกินไป คนจิตใจเข้มแข็งจะเข้าใจว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่ มักไม่เกิดภายในเวลาสั้นๆ แต่ต้องแลกมาด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องและอดทนต่างหาก
    .
    เส้นทางสู่มหาวิทยาลัยระดับโลก ไม่ได้วัดกันที่ใครเก่งที่สุด แต่วัดกันที่ใครจิตใจแข็งแกร่งมากกว่าเพราะระหว่างทางมันไม่ง่าย อาจมีทั้งความล้มเหลว ความไม่แน่นอน และเสียงรบกวนจากรอบข้าง แต่คนที่สอบติดได้ คือคนที่เลือกจะไม่ทำในสิ่งที่บั่นทอนตัวเองและลงมือทำในสิ่งที่ควรทำด้วยใจไม่ย่อท้อ
    .
    ผมขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่และลูกทุกคนที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางนี้นะครับ หากต้องการใครสักคนที่เข้าใจและพร้อมช่วยวางแผนให้ ผมและทีม EverLearnX ก็ยินดีอยู่เคียงข้างในทุกก้าวของการเตรียมตัวครับ เราจะไปให้ถึงมหาวิทยาลัยในฝันด้วยหัวใจที่แข็งแรงไปด้วยกันครับ
    .
    🧑‍🎓💼อยากให้ลูกได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในฝัน? สามารถปรึกษาฟรีเพื่อวางแผนการสมัครได้ที่🔽
    https://lin.ee/5LArdAx หรือ Line OA: @everlearnx
    .
    📍ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.everlearnx.com
    .
    🏆การันตีความสำเร็จโดยพี่ๆ ที่เคยติด Harvard, Stanford, Wharton, MIT, Columbia, UCLA, Oxford, Cambridge ช่วยแนะแนวทางให้ลูกแบบเจาะลึก

Related post

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด

“เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”.เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้อ่านหนังสือชื่อ “HOME RUN แพ้กี่ครั้งไม่สำคัญ ขอตีโฮมรันครั้งเดียวพอ” ของพี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ ในตอนหนึ่ง พี่โจ้เล่าถึงเรื่อง Why us ของธุรกิจสินเชื่อกระเป๋าแบรนด์เนม bagforcash พร้อมกับบอกว่า “เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”.ทันทีที่ผมอ่านตอนนี้จบ ผมนึกถึงน้องๆ ที่กำลังจะสมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง Harvard, MIT, Stanford, Oxford, Cambridge ขึ้นมาทันทีเลยครับ.เพราะมหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ได้มองหาคนมาจ่ายเงินค่าเทอมมา “รับ” ความรู้และ Network ดีดีอย่างเดียว ถ้าต้องการแค่เงิน ผู้สมัครคนไหนก็ให้ได้ แต่มหาวิทยาลัยเหล่านี้มองหาคนที่จะมา “ให้” ต่างหาก เช่น ให้ความรู้เพื่อนร่วมชั้น ให้แรงบันดาลใจเพื่อนร่วมชั้น สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้แก่มหาวิทยาลัย ทั้งตอนเป็นนักเรียน และหลังเรียนจบไปแล้ว.คนแบบนี้ต่างหาก ที่ทำให้มหาวิทยาลัยยังมีคุณค่าต่อไปในโลกอนาคต และนั่นคือเหตุผลที่มหาวิทยาลัยระดับโลกจะถามคำถามในส่วนของ Supplemental…

Learn more

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

เจอ Bill Gates อยากบอกอะไร

“เจอ Bill Gates อยากบอกอะไร?”.คุณพ่อคุณแม่ลองจินตนาการตามผมนะครับ ถ้าลูกของเรามีโอกาสยืนอยู่ในลิฟต์กับ Bill Gates หนึ่งในคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกมากที่สุดในยุคนี้ เขาหันมายิ้มให้ลูก ทักทาย แนะนำตัว พร้อมถามสั้น ๆ ว่า “Please tell me a bit about yourself.” ซึ่งอีก 10 วินาทีลิฟต์จะถึงที่หมาย ลูกเราจะพูดว่าอะไรดีครับ?.“ผมเรียนเก่งครับ ได้ GPA 4.0 ทุกเทอม”“หนูเป็นหัวหน้า 3 ชมรม ทำกิจกรรมเยอะค่ะ”“ผมเป็นตัวแทนแข่งวิทยาศาสตร์ระดับชาติครับ”.ฟังดูดีหมดเลยครับ แต่มันยังไม่ทำให้เขาจำลูกของเราได้เลย เพราะประโยคเหล่านั้น ยังไม่แสดงว่า “ตัวตน” ของลูกคืออะไร?.ประโยคเหล่านั้น คือข้อมูล แต่ไม่ใช่เรื่องเล่า ประโยคเหล่านั้น คือสิ่งที่ทำ แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่เป็น.Harvard ระดับ Undergrad ล่าสุดมีผู้สมัครประมาณ 60,000 คน ได้ตอบรับเข้าเรียนประมาณ 1,900 คน หรือประมาณ 3.2% เท่านั้น มหาวิทยาลัยระดับโลกเหล่านี้ มีกรรมการคัดเลือก…

Learn more

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

อวสาน ! คนมีดีแค่คะแนน

“อวสาน ! คนมีดีแค่คะแนน”.เมื่อคะแนนอย่างเดียวมันไม่พออีกต่อไปในโลกของการเรียนต่อระดับโลก.ลองจินตนาการดูนะครับ ลูกเราได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยในฝัน Top 10 ของโลก เพื่อนๆ ในคลาสคือ คนที่ A-Level, IB, AP เกือบเต็ม และ SAT สูงมากๆ ระดับ 1,550++.แต่ไม่มีใครคุยกันเลย.เช้าเข้าเรียน เรียนเสร็จกลับห้อง ในห้องเรียนไม่มีใครตั้งคำถาม ไม่มีใคร Discuss ไม่มีใครลุกขึ้นมา Propose idea ใดๆ ให้อาจารย์ กิจกรรมของชมรมต่างๆ เงียบเหงา ไม่มีคนจัด Event ไม่มีใครทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือสอบ.แล้วจบออกมา คนเหล่านั้นก็เก่งอยู่คนเดียว ไปทำงานเงียบๆ อยู่ในโลกของตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้สร้างอะไรให้สังคม ไม่ได้ Inspire ใคร ไม่ได้ทำให้โลกดีขึ้น.ฟังดูน่าเศร้าใช่ไหมครับ?.และนี่คือสิ่งที่มหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลย.มหาวิทยาลัยไม่ได้มองหาคนเก่งที่สุด แต่เขามองหาคนที่เก่งพอประมาณ แต่ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้คนรอบข้างดีขึ้น มารวมกลุ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันที่มหาวิทยาลัย.มหาวิทยาลัยจึงอยากได้นักเรียนที่มี Sense of contribution เช่น นักเรียนที่เข้าเรียนแล้วมีส่วนร่วมใน Class, นักเรียนที่สร้าง Club สร้าง Activity…

Learn more