“เจอ Bill Gates อยากบอกอะไร?”
.
คุณพ่อคุณแม่ลองจินตนาการตามผมนะครับ ถ้าลูกของเรามีโอกาสยืนอยู่ในลิฟต์กับ Bill Gates หนึ่งในคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกมากที่สุดในยุคนี้ เขาหันมายิ้มให้ลูก ทักทาย แนะนำตัว พร้อมถามสั้น ๆ ว่า “Please tell me a bit about yourself.” ซึ่งอีก 10 วินาทีลิฟต์จะถึงที่หมาย ลูกเราจะพูดว่าอะไรดีครับ?
.
“ผมเรียนเก่งครับ ได้ GPA 4.0 ทุกเทอม”
“หนูเป็นหัวหน้า 3 ชมรม ทำกิจกรรมเยอะค่ะ”
“ผมเป็นตัวแทนแข่งวิทยาศาสตร์ระดับชาติครับ”
.
ฟังดูดีหมดเลยครับ แต่มันยังไม่ทำให้เขาจำลูกของเราได้เลย เพราะประโยคเหล่านั้น ยังไม่แสดงว่า “ตัวตน” ของลูกคืออะไร?
.
ประโยคเหล่านั้น คือข้อมูล แต่ไม่ใช่เรื่องเล่า ประโยคเหล่านั้น คือสิ่งที่ทำ แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่เป็น
.
Harvard ระดับ Undergrad ล่าสุดมีผู้สมัครประมาณ 60,000 คน ได้ตอบรับเข้าเรียนประมาณ 1,900 คน หรือประมาณ 3.2% เท่านั้น มหาวิทยาลัยระดับโลกเหล่านี้ มีกรรมการคัดเลือก อยู่ไม่กี่คน แต่ละคนต้องอ่านใบสมัครหลายพันใบภายในเวลา 3 เดือน แปลว่ากรรมการใช้เวลาเฉลี่ยไม่เกิน 5 นาทีต่อ 1 ใบสมัคร ดังนั้น ถ้าใน 1-2 นาทีแรก ใบสมัครของลูกเรายังไม่แสดงตัวตนชัดเจนว่าเราเป็นใคร? แตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นอย่างไร? ใบสมัครนั้น ก็จะไปอยู่ในกอง Reject ครับ
.
คนที่เก่งด้านการเรียนอย่างเดียว = สอบไม่ติด
คนที่เก่งด้านกิจกรรมอย่างเดียว = สอบไม่ติด
.
เรื่องนี้ คุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่านอาจทราบอยู่แล้ว แต่เชื่อหรือไม่ ว่าคนที่เก่งทั้งด้านการเรียนและกิจกรรม แต่ทำกิจกรรมหลากหลาย สะเปะสะเปะ ทั้งสอนหนังสือ ทำวิจัย ปลูกป่า บริจาคเลือดให้โรงพยาบาล เหมือนอธิบายให้ Bill Gates ฟังประวัติตัวเองยืดยาว จน 10 วินาทีลิฟต์ถึงที่หมายแล้ว ยังอธิบายไม่จบ … คนแบบนี้ก็สอบไม่ติดเหมือนกัน
.
เพราะเขายังไม่รู้จักตัวเองดีพอ และที่สำคัญคือ มหาวิทยาลัยก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร
.
กิจกรรมที่หลากหลาย แต่ไม่มีจุดร่วม เหมือนคนที่ทำอะไรเก่งไปหมด แต่ไม่มีเรื่องไหนโดดเด่นพอจะจดจำ กรรมการคัดเลือกอ่านแล้วไม่เห็นตัวตน ไม่รู้ว่า Passion คืออะไร ก็เลยไม่รู้ว่าอนาคตเขาจะไปทางไหน ก็เลยไม่มั่นใจว่าเขาจะสร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัยได้หรือไม่ ก็เลยไม่รับเข้าเรียน
.
ดังนั้น เป็นสิ่งที่ดีถ้าลูกของเรามุ่งมั่นอยากทำกิจกรรมต่างๆ เพราะจะทำให้เขาโตขึ้น แต่อย่าเพิ่งให้ลูกรีบทำกิจกรรม จนกว่าจะตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า ถ้าเจอ Bill Gates ลูกของเราจะพูดว่าอะไรใน 10 วินาที แล้วให้เขาจำได้ !
.
ผมมีวิธีการง่ายๆ มาแนะนำครับ ถ้าคิดเป็นประโยคเลย อาจจะยากไป แต่ถ้าเราเริ่มคิดจาก 3 คำที่เราอยากให้ Bill Gates จำได้ แล้วค่อยเรียบเรียงเป็นประโยค จะง่ายกว่าครับ
.
ตัวอย่างเช่น น้องผู้หญิงคนหนึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่ตอน 10 ขวบ เข้ารับการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง จนน้องอาการดีขึ้น อย่างไรก็ตาม น้องรู้ว่าความทรมานจากโรคนี้เป็นอย่างไร รู้ว่าการรักษาสำคัญเพียงใด แต่ก็รู้ว่ามีอีกหลายคนที่เข้าไม่ถึงการรักษานั้น หรือเข้าถึงแต่การรักษาที่ดีไม่พอ น้องเลยอยากแก้ปัญหานี้ให้กับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน
.
ก่อนลงมือทำกิจกรรมต่างๆ น้องคิดทบทวนกับตัวเองก่อน ว่าน้องมีตัวตนอย่างไร มีจุดเด่นอย่างไร สรุปออกมาได้ 3 คำ คือ
- เคยป่วยซึมเศร้า
- ชอบ Art
- เก่ง Science
หลังจากคิดออกมาเป็น 3 คำนี้ ก็แต่งประโยคเป็น “As a student who has experienced depression, I want to combine my love for art and my passion for neuroscience to make mental health support more accessible and empathetic for young people.”
.
หลังจากนั้น น้องจึงสามารถเลือกทำ Activity ต่างๆ ได้สุดทาง ที่ช่วยตอบโจทย์ประโยคนี้ เช่น ฝึกงานที่ HealthTech company ด้านจิตเวช, จัดกิจกรรมให้เพื่อนในโรงเรียนเขียนจดหมายถึงตัวเองตอนรู้สึกท้อ, เป็นวิทยากรแชร์ประสบการณ์กับรุ่นน้อง, เขียนบทความลง Social Media เรื่องภาวะซึมเศร้าในวัยเรียน, จัดนิทรรศการงานศิลป์สะท้อนอารมณ์ของคนที่กำลังเจ็บป่วยทางใจ
.
สุดท้ายน้องสอบติดมหาวิทยาลัยระดับ Ivy League ตั้งใจไปศึกษาด้าน Neuroscience ครับ
.
กิจกรรมแบบนี้ ไม่ใช่แค่ทำเพื่อสอบให้ติดเลยครับ แต่เกิดจากความชัดในตัวตน แล้วจึงอยากทำสิ่งต่างๆ ให้จับต้องได้ตาม Passion อันแรงกล้าต่างหาก ทั้งหมดนี้ เริ่มจากความเข้าใจในตัวเอง แล้วจึงค่อยลงมือทำกิจกรรมที่สื่อถึงตัวตนนั้นให้ชัดที่สุด ไม่ใช่การทำเยอะ แต่เป็นการทำอย่างมีเป้าหมายครับ และพอถึงวันที่เขียนใบสมัคร สิ่งที่ลูกพูดถึงจะไม่ใช่แค่ “ฉันทำอะไร?” แต่คือ “ฉันเป็นใคร? และฉันจะทำอะไรเพื่อโลกได้บ้าง?” ซึ่งนั่นแหละครับ คือสิ่งที่มหาวิทยาลัยระดับโลกต้องการจริงๆ
.
🧑🎓💼อยากให้ลูกได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในฝัน? สามารถปรึกษาฟรีเพื่อวางแผนการสมัครได้ที่🔽
https://lin.ee/5LArdAx หรือ Line OA: @everlearnx
.
📍ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.everlearnx.com
.
🏆การันตีความสำเร็จโดยพี่ๆ ที่เคยติด Harvard, Stanford, Wharton, MIT, Columbia, UCLA, Oxford, Cambridge ช่วยแนะแนวทางให้ลูกแบบเจาะลึก