เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

October 14, 2025

“เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”
.
เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้อ่านหนังสือชื่อ “HOME RUN แพ้กี่ครั้งไม่สำคัญ ขอตีโฮมรันครั้งเดียวพอ” ของพี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ ในตอนหนึ่ง พี่โจ้เล่าถึงเรื่อง Why us ของธุรกิจสินเชื่อกระเป๋าแบรนด์เนม bagforcash พร้อมกับบอกว่า “เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”
.
ทันทีที่ผมอ่านตอนนี้จบ ผมนึกถึงน้องๆ ที่กำลังจะสมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง Harvard, MIT, Stanford, Oxford, Cambridge ขึ้นมาทันทีเลยครับ
.
เพราะมหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ได้มองหาคนมาจ่ายเงินค่าเทอมมา “รับ” ความรู้และ Network ดีดีอย่างเดียว ถ้าต้องการแค่เงิน ผู้สมัครคนไหนก็ให้ได้ แต่มหาวิทยาลัยเหล่านี้มองหาคนที่จะมา “ให้” ต่างหาก เช่น ให้ความรู้เพื่อนร่วมชั้น ให้แรงบันดาลใจเพื่อนร่วมชั้น สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้แก่มหาวิทยาลัย ทั้งตอนเป็นนักเรียน และหลังเรียนจบไปแล้ว
.
คนแบบนี้ต่างหาก ที่ทำให้มหาวิทยาลัยยังมีคุณค่าต่อไปในโลกอนาคต และนั่นคือเหตุผลที่มหาวิทยาลัยระดับโลกจะถามคำถามในส่วนของ Supplemental essay ว่าลูกของเราจะให้อะไรกับมหาวิทยาลัยนี้ได้บ้าง?
.
เช่น Harvard ใน Application cycle 2025/2026 ถามว่า “How will the life experiences that shaped you enable you to contribute to the diverse perspectives and experiences at Harvard?”
.
ส่วน Stanford ถามว่า “Please describe what aspects of your life experiences, interests and character would help you make a distinctive contribution as an undergraduate to Stanford University.”
.
การจะตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้อย่างโดดเด่น ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึง 3 เรื่องนี้ครับ
.

  1. ต้องเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยต้องการอะไร?
    พี่โจ้เขียนไว้ในหนังสือว่า การคิด Why us ของธุรกิจนั้น เราจะมโนนึกแต่จุดแข็งตัวเองที่ตนภาคภูมิใจ โดยไม่เข้าใจลูกค้าก็ไม่ได้ ผมคิดว่าการสมัครมหาวิทยาลัยก็เช่นกัน เราห้ามเขียนแค่ในสิ่งที่เราภูมิใจ แต่ต้องตอบโจทย์ที่มหาวิทยาลัยมองหา
    .
    แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าแต่ละมหาวิทยาลัยต้องการอะไร? การเปิดดู Website หรือ YouTube ของแต่ละมหาวิทยาลัยอย่างเดียวไม่พอครับ เพราะทุกๆ มหาวิทยาลัยก็มีเนื้อหาใน Website และ YouTube ดูคล้ายๆ กันหมด ผู้สมัครคนไหนก็ลอกประโยคเหล่านั้นมาเขียนใน Essay ของตัวเองได้
    .
    สิ่งที่ช่วยได้จริง ๆ คือ การพูดคุยกับรุ่นพี่นักเรียนปัจจุบันและศิษย์เก่าที่เรียนที่แต่ละมหาวิทยาลัยมาจริงๆ เพื่อเรียนรู้ Culture อย่างถ่องแท้ ว่ามหาวิทยาลัยต้องการคน Character แบบไหน? และเรียนรู้ Insight ต่างๆ เช่น ปีนี้ มหาวิทยาลัยอาจมีคนสาย Tech น้อย และอยากรับนักเรียนสายนี้เพิ่ม หรือปีนี้ ชมรม Healthcare ไม่ค่อย Active เลยอาจอยากได้คนสายนี้มา Lead ชมรม เป็นต้น
    .
    ถ้าลูกของคุณพ่อคุณแม่ยังหารุ่นพี่นักเรียนปัจจุบันและศิษย์เก่าไม่ได้ ที่ EverLearnX เรามีเครือข่ายจากทุกมหาวิทยาลัยระดับโลก พร้อมช่วยให้ลูกเข้าใจมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งแบบเจาะลึกครับ
    .
  2. ต้องรู้ว่าเราจะให้อะไรแก่มหาวิทยาลัยแบบเฉพาะเจาะจง
    .
    คำว่าให้ ไม่ได้แปลว่า เดี๋ยวจะช่วย Participate ในห้องเรียนเยอะๆ ช่วยเพื่อนทำงานกลุ่มอย่างจริงจังครับ แต่ต้องชัดแบบเฉพาะเจาะจง เช่น ลูกของเราอยากจะช่วยให้มุมมองที่ดีดีในคลาสเรียนไหนได้บ้าง? ลูกของเราจะเข้าไปมีบทบาทในชมรมไหนเป็นพิเศษ? หรือลูกของเราจะก่อตั้ง Project อะไรให้เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย?
    .
    เพราะสิ่งที่มหาวิทยาลัยอยากเห็นคือการที่ลูกของเราไปเรียนที่นั่นจะทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เปลี่ยนไปอย่างไรบ้างแบบเห็นภาพ
    .
  3. ต้องตอบให้ได้ว่าทำไมถึงต้องเป็นเรา?
    ผู้สมัครทั่วโลกสมัครเข้ามาในแต่ละมหาวิทยาลัย ทั้งจากจีน อินเดีย เกาหลี อเมริกา ยุโรป ฯลฯ แทบทุกคนเก่งหมด แทบทุกคนมีคะแนนดีมาก และแทบทุกคนก็เคยทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ให้มหาวิทยาลัยเชื่อว่าเขามีความสามารถที่จะ “ให้” อย่างที่บอกในข้อ 2 จริงๆ
    .
    ทำให้ …
    ใครๆ ก็ทำ VDO Content
    ใครๆ ก็ทำ Research
    ใครๆ ก็ทำ CSR / Volunteer
    .
    ทีนี้ สิ่งที่จะทำให้ลูกของเราแตกต่างคือ เหตุผลเบื้องหลังที่ลูกทำสิ่งๆ นั้น และการลงมือทำอย่างต่อเนื่องมานานแล้วในสิ่งๆ นั้น
    .
    ยกตัวอย่างเช่น น้องคนหนึ่งทำ VDO สอนวิชา Coding ลง TikTok และ YouTube ดูเผิน ๆ ก็อาจเหมือนกับที่คนอื่นทำ แต่ถ้าน้องคนนี้ เคยเติบโตมาในชุมชนที่ไม่มีใครสอนน้องเรื่องนี้ ต้องเรียนเองจาก YouTube ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษล้วน ช่วงแรกทรมานเพราะต้องเรียนรู้แบบงูๆ ปลาๆ หลังจากเรียนต่อเนื่อง เริ่มเข้าใจมากขึ้น จึงอยากให้คนอื่นๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันมีโอกาสดีกว่าตนเอง น้องเลยตั้งใจทำ VDO สอน Coding แบบอธิบายง่ายๆ ให้เด็กวัยเดียวกันเข้าใจ แล้วทำต่อเนื่องทุกสัปดาห์มา 3 ปี จนมีผู้ติดตามหลายพันคน
    .
    แบบนี้ครับ คือสิ่งที่ไม่ใช่ใครๆ ก็ทำได้ เพราะน้อยคนจะเคยเจออุปสรรคแบบน้อง น้อยคนที่จะทุ่มเทให้เรื่องนี้ขนาดนี้ และน้อยคนจะเริ่มได้เร็วกว่านี้
    .
    สุดท้าย น้องสอบติดมหาวิทยาลัยระดับ Ivy League
    .
    ในหนังสือ HOME RUN พี่โจ้ยังแนะนำอีกว่า พอเราเขียน Why us เสร็จแล้ว ก็ควรให้คนอื่นดู ถ้าเขาดูแล้วเฉยๆ ก็แสดงว่า Why us ของเรายังไม่เด่นพอ
    .
    การสมัครเข้ามหาวิทยาลัยระดับโลกก็เช่นกัน ลูกของเราต้องยกมือให้กรรมการเห็น ต้องสะดุดตา และกรรมการที่อ่านต้องจำลูกได้ ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องการคนช่วยดู ว่า Why us ของลูกเด่นพอหรือยัง ด้วยสายตาและประสบการณ์ของรุ่นพี่และ Native Consultant ที่เคยสอบติดและส่งน้องๆ สอบติดมาก่อน สามารถปรึกษา EverLearnX ได้เลยครับ
    .
    🧑‍🎓💼อยากให้ลูกได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในฝัน? สามารถปรึกษาฟรีเพื่อวางแผนการสมัครได้ที่🔽
    https://lin.ee/5LArdAx
    .
    📍ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.everlearnx.com
    .
    🏆การันตีความสำเร็จโดยพี่ๆ ที่เคยติด Harvard, Stanford, Wharton, MIT, Columbia, UCLA, Oxford, Cambridge ช่วยแนะแนวทางให้ลูกแบบเจาะลึก

Related post

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

เจอ Bill Gates อยากบอกอะไร

“เจอ Bill Gates อยากบอกอะไร?”.คุณพ่อคุณแม่ลองจินตนาการตามผมนะครับ ถ้าลูกของเรามีโอกาสยืนอยู่ในลิฟต์กับ Bill Gates หนึ่งในคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกมากที่สุดในยุคนี้ เขาหันมายิ้มให้ลูก ทักทาย แนะนำตัว พร้อมถามสั้น ๆ ว่า “Please tell me a bit about yourself.” ซึ่งอีก 10 วินาทีลิฟต์จะถึงที่หมาย ลูกเราจะพูดว่าอะไรดีครับ?.“ผมเรียนเก่งครับ ได้ GPA 4.0 ทุกเทอม”“หนูเป็นหัวหน้า 3 ชมรม ทำกิจกรรมเยอะค่ะ”“ผมเป็นตัวแทนแข่งวิทยาศาสตร์ระดับชาติครับ”.ฟังดูดีหมดเลยครับ แต่มันยังไม่ทำให้เขาจำลูกของเราได้เลย เพราะประโยคเหล่านั้น ยังไม่แสดงว่า “ตัวตน” ของลูกคืออะไร?.ประโยคเหล่านั้น คือข้อมูล แต่ไม่ใช่เรื่องเล่า ประโยคเหล่านั้น คือสิ่งที่ทำ แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่เป็น.Harvard ระดับ Undergrad ล่าสุดมีผู้สมัครประมาณ 60,000 คน ได้ตอบรับเข้าเรียนประมาณ 1,900 คน หรือประมาณ 3.2% เท่านั้น มหาวิทยาลัยระดับโลกเหล่านี้ มีกรรมการคัดเลือก…

Learn more

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

อวสาน ! คนมีดีแค่คะแนน

“อวสาน ! คนมีดีแค่คะแนน”.เมื่อคะแนนอย่างเดียวมันไม่พออีกต่อไปในโลกของการเรียนต่อระดับโลก.ลองจินตนาการดูนะครับ ลูกเราได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยในฝัน Top 10 ของโลก เพื่อนๆ ในคลาสคือ คนที่ A-Level, IB, AP เกือบเต็ม และ SAT สูงมากๆ ระดับ 1,550++.แต่ไม่มีใครคุยกันเลย.เช้าเข้าเรียน เรียนเสร็จกลับห้อง ในห้องเรียนไม่มีใครตั้งคำถาม ไม่มีใคร Discuss ไม่มีใครลุกขึ้นมา Propose idea ใดๆ ให้อาจารย์ กิจกรรมของชมรมต่างๆ เงียบเหงา ไม่มีคนจัด Event ไม่มีใครทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือสอบ.แล้วจบออกมา คนเหล่านั้นก็เก่งอยู่คนเดียว ไปทำงานเงียบๆ อยู่ในโลกของตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้สร้างอะไรให้สังคม ไม่ได้ Inspire ใคร ไม่ได้ทำให้โลกดีขึ้น.ฟังดูน่าเศร้าใช่ไหมครับ?.และนี่คือสิ่งที่มหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลย.มหาวิทยาลัยไม่ได้มองหาคนเก่งที่สุด แต่เขามองหาคนที่เก่งพอประมาณ แต่ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้คนรอบข้างดีขึ้น มารวมกลุ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันที่มหาวิทยาลัย.มหาวิทยาลัยจึงอยากได้นักเรียนที่มี Sense of contribution เช่น นักเรียนที่เข้าเรียนแล้วมีส่วนร่วมใน Class, นักเรียนที่สร้าง Club สร้าง Activity…

Learn more

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

เก่งแค่ไหน ก็ต้องมีโค้ช

“เก่งแค่ไหน ก็ต้องมีโค้ช”.ย้อนกลับไปในช่วงที่ Tiger Woods กำลังพีคที่สุดในชีวิต เขาคือเบอร์ 1 ของโลก ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟไหนที่เขาลงแข่ง เขาคือความหวังของกองเชียร์ทั้งสนาม.แต่รู้ไหมครับว่า ขนาดเขาตีไกล ตีแม่น ระดับโลกแล้ว ยังมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Tiger ตัดสินใจรื้อวงสวิงตัวเองใหม่หมด เขาขอให้ Hank Haney โค้ชกอล์ฟชื่อดัง เข้ามาปรับวงสวิงให้.คนที่เล่นกอล์ฟจะรู้ว่า การเปลี่ยนวงสวิง คือความทรมานทางจิตใจมากๆ นะครับ เพราะช่วงแรกจะตีไม่ได้แม่นยำเหมือนเดิม แต่ Tiger รู้ดีว่า แม้เขาจะเก่งที่สุดในโลก แต่ถ้าหยุดพัฒนา เพราะคิดว่าแบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว เขาจะไม่มีวันไปได้ไกลกว่านี้.และนั่นคือเหตุผลที่เขายอมเจ็บ เพื่อจะเติบโตเขายอมถอยหนึ่งก้าว เพื่อจะกระโดดไปไกลกว่าที่เคย.แต่ทำไมเขาไม่ปรับวงสวิงเองล่ะ ทำไมต้องมี Hank Haney มาปรับให้?.เพราะต่อให้เขาเป็นนักกีฬาที่เก่งที่สุดในโลก เขาก็ไม่มีทางมองตัวเองจากภายนอกได้ Tiger เคยบอกว่าบางอย่างเขาทำผิดมานาน โดยที่ไม่รู้ตัวเลย จนกระทั่งโค้ชเข้ามาช่วยมองให้.และนอกจาก Tiger แล้ว นักกีฬาระดับโลกคนอื่นๆ ก็มีโค้ชกันหมด ไม่ว่าจะเป็น Kobe Bryant (Phil Jackson เป็นโค้ชให้), Serena Williams…

Learn more