“เก่งแค่ไหน ก็ต้องมีโค้ช”
.
ย้อนกลับไปในช่วงที่ Tiger Woods กำลังพีคที่สุดในชีวิต เขาคือเบอร์ 1 ของโลก ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟไหนที่เขาลงแข่ง เขาคือความหวังของกองเชียร์ทั้งสนาม
.
แต่รู้ไหมครับว่า ขนาดเขาตีไกล ตีแม่น ระดับโลกแล้ว ยังมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Tiger ตัดสินใจรื้อวงสวิงตัวเองใหม่หมด เขาขอให้ Hank Haney โค้ชกอล์ฟชื่อดัง เข้ามาปรับวงสวิงให้
.
คนที่เล่นกอล์ฟจะรู้ว่า การเปลี่ยนวงสวิง คือความทรมานทางจิตใจมากๆ นะครับ เพราะช่วงแรกจะตีไม่ได้แม่นยำเหมือนเดิม แต่ Tiger รู้ดีว่า แม้เขาจะเก่งที่สุดในโลก แต่ถ้าหยุดพัฒนา เพราะคิดว่าแบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว เขาจะไม่มีวันไปได้ไกลกว่านี้
.
และนั่นคือเหตุผลที่เขายอมเจ็บ เพื่อจะเติบโต
เขายอมถอยหนึ่งก้าว เพื่อจะกระโดดไปไกลกว่าที่เคย
.
แต่ทำไมเขาไม่ปรับวงสวิงเองล่ะ ทำไมต้องมี Hank Haney มาปรับให้?
.
เพราะต่อให้เขาเป็นนักกีฬาที่เก่งที่สุดในโลก เขาก็ไม่มีทางมองตัวเองจากภายนอกได้ Tiger เคยบอกว่าบางอย่างเขาทำผิดมานาน โดยที่ไม่รู้ตัวเลย จนกระทั่งโค้ชเข้ามาช่วยมองให้
.
และนอกจาก Tiger แล้ว นักกีฬาระดับโลกคนอื่นๆ ก็มีโค้ชกันหมด ไม่ว่าจะเป็น Kobe Bryant (Phil Jackson เป็นโค้ชให้), Serena Williams (Patrick Mouratoglou เป็นโค้ชให้) หรือน้องเทนนิส นักกีฬาเทควันโดชาวไทยระดับโอลิมปิก ที่มีโค้ชเชดูแล
.
นักกีฬาเหล่านี้คือ “ที่สุด” แต่เขาไม่เคยเดินคนเดียวเลย ทุกคนมีโค้ชส่วนตัว มีคนที่มองจากมุมข้างสนาม ดูเขาทุกจังหวะ เห็นภาพรวม เห็นจุดบอด เพื่อบอกว่ามุมไหนที่ดี มุมไหนที่ยังพัฒนาได้ มุมที่มองจากตัวเองจะไม่มีทางเห็น
.
และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาไปได้ไกล
.
น้องๆ ที่สมัครเรียนต่อปริญญาตรีระดับ Ivy League, Oxford, Cambridge ก็เช่นกัน ในยุคที่คู่แข่งทุกคนเข้าถึงข้อมูลการสมัครต่างๆ ได้เต็มไปหมด ทั้งจาก YouTube, Website, คอร์สออนไลน์, หนังสือต่างๆ คุณพ่อคุณแม่บางท่านก็อาจมีความคิดว่า ลูกน่าจะสมัครเองได้ ไม่น่ายาก หรือบางท่านอาจคิดว่าลูกมี Profile ดีอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องมีคนช่วยเลย
.
แต่แม้ลูกของเราจะรู้จักตัวเองดีในระดับหนึ่ง แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าจะเอาเรื่องไหนมาเล่าดี? เล่าอย่างไรดี? สิ่งที่เราคิดว่าดี กับสิ่งที่มหาวิทยาลัยอยากได้ อาจไม่ตรงกัน
.
ลูกอาจจะทำ Essay เองแล้วจมอยู่กับเรื่องที่ตัวเองอิน ทั้งที่มันอาจยังไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุด หรือลูกอาจมองข้ามสิ่งที่ตัวเองคิดว่าธรรมดา แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละ คือความแตกต่างที่น่าจะนำมาเล่าให้มหาวิทยาลัยฟัง
.
ลูกอาจมีเพื่อน มีรุ่นพี่ มีคนให้คำปรึกษา แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าเขารู้จริง? เคยผ่านเจอมากี่เคส? หรือมีเวลาเพียงพอจะมาตั้งใจช่วยลูกของเราหรือไม่?
.
บางคนหนักกว่านั้น คือ หวังพึ่งให้ Generative AI เช่น ChatGPT ช่วยเขียน Essay ให้ ซึ่งก็โดนจับได้ไม่ยาก เพราะคณะกรรมการคัดเลือกแยกออกแน่นอนว่าเอกสารของผู้สมัครเป็นมนุษย์เขียนหรือ AI เขียน และที่สำคัญคือ AI มันไม่ได้รู้จักตัวลูกของเราเลย แล้วเอาเรื่องที่ดีที่สุดมาเล่าได้อย่างไร?
.
โค้ชที่ดีจะไม่มาเปลี่ยนตัวตนของลูก แต่จะมาช่วยให้ลูกได้เข้าใจตัวเองลึกกว่าที่เคย ให้ทัศนคติกับ Story แต่ละอย่างของลูกอย่างเป็นกลาง และดึง Story ที่แตกต่างออกมาเล่าได้อย่างโดดเด่น ตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง
.
และถ้าคุณพ่อคุณแม่มองหาโค้ชแบบนี้ EverLearnX พร้อมจะอยู่เคียงข้างครับ พี่ๆ EverLearnX จบจากมหาวิทยาลัยระดับโลก มี Background หลากหลาย ทั้ง Business, Economics, Engineering, Data, Law, Medical และอื่นๆ เข้าใจทั้งตัวของลูกและสาขาที่ลูกจะสมัคร ไม่ว่าจะ Niche แค่ไหน และที่สำคัญคือเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งอยากเห็นอะไร
.
เพิ่มโอกาสสอบติดหลายเท่าตัว
.
ท้ายที่สุด หากคุณพ่อคุณแม่ยังลังเลว่า การมีโค้ชคอยช่วยดูแลลูกในการสมัครเรียนต่อระดับโลก
จะทำให้ความสำเร็จของลูกดูน้อยค่าลงหรือเปล่า? ลองนึกถึง Tiger Woods, Kobe Bryant, Serena Williams หรือน้องเทนนิส วันที่พวกเขาคว้าแชมป์ พวกเขายืนอยู่บนเวทีด้วยความภูมิใจเต็มเปี่ยม ซึ่งความภูมิใจนั้น ไม่ได้ลดลงเพราะมีโค้ชช่วยแต่อย่างใด เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่ต้องฝึก คนที่ต้องสู้ คนที่ต้องลงสนาม ก็คือตัวเขาเอง
.
🧑🎓💼อยากให้ลูกได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในฝัน? สามารถปรึกษาฟรีเพื่อวางแผนการสมัครได้ที่🔽
https://lin.ee/5LArdAx หรือทัก Line OA: @everlearnx
.
📍ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.everlearnx.com
.
🏆การันตีความสำเร็จโดยพี่ๆ ที่เคยติด Harvard, Stanford, Wharton, MIT, Columbia, UCLA, Oxford, Cambridge ช่วยแนะแนวทางให้ลูกแบบเจาะลึก

Related post

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US
เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด
“เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”.เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้อ่านหนังสือชื่อ “HOME RUN แพ้กี่ครั้งไม่สำคัญ ขอตีโฮมรันครั้งเดียวพอ” ของพี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ ในตอนหนึ่ง พี่โจ้เล่าถึงเรื่อง Why us ของธุรกิจสินเชื่อกระเป๋าแบรนด์เนม bagforcash พร้อมกับบอกว่า “เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”.ทันทีที่ผมอ่านตอนนี้จบ ผมนึกถึงน้องๆ ที่กำลังจะสมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง Harvard, MIT, Stanford, Oxford, Cambridge ขึ้นมาทันทีเลยครับ.เพราะมหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ได้มองหาคนมาจ่ายเงินค่าเทอมมา “รับ” ความรู้และ Network ดีดีอย่างเดียว ถ้าต้องการแค่เงิน ผู้สมัครคนไหนก็ให้ได้ แต่มหาวิทยาลัยเหล่านี้มองหาคนที่จะมา “ให้” ต่างหาก เช่น ให้ความรู้เพื่อนร่วมชั้น ให้แรงบันดาลใจเพื่อนร่วมชั้น สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้แก่มหาวิทยาลัย ทั้งตอนเป็นนักเรียน และหลังเรียนจบไปแล้ว.คนแบบนี้ต่างหาก ที่ทำให้มหาวิทยาลัยยังมีคุณค่าต่อไปในโลกอนาคต และนั่นคือเหตุผลที่มหาวิทยาลัยระดับโลกจะถามคำถามในส่วนของ Supplemental…

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US
เจอ Bill Gates อยากบอกอะไร
“เจอ Bill Gates อยากบอกอะไร?”.คุณพ่อคุณแม่ลองจินตนาการตามผมนะครับ ถ้าลูกของเรามีโอกาสยืนอยู่ในลิฟต์กับ Bill Gates หนึ่งในคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกมากที่สุดในยุคนี้ เขาหันมายิ้มให้ลูก ทักทาย แนะนำตัว พร้อมถามสั้น ๆ ว่า “Please tell me a bit about yourself.” ซึ่งอีก 10 วินาทีลิฟต์จะถึงที่หมาย ลูกเราจะพูดว่าอะไรดีครับ?.“ผมเรียนเก่งครับ ได้ GPA 4.0 ทุกเทอม”“หนูเป็นหัวหน้า 3 ชมรม ทำกิจกรรมเยอะค่ะ”“ผมเป็นตัวแทนแข่งวิทยาศาสตร์ระดับชาติครับ”.ฟังดูดีหมดเลยครับ แต่มันยังไม่ทำให้เขาจำลูกของเราได้เลย เพราะประโยคเหล่านั้น ยังไม่แสดงว่า “ตัวตน” ของลูกคืออะไร?.ประโยคเหล่านั้น คือข้อมูล แต่ไม่ใช่เรื่องเล่า ประโยคเหล่านั้น คือสิ่งที่ทำ แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่เป็น.Harvard ระดับ Undergrad ล่าสุดมีผู้สมัครประมาณ 60,000 คน ได้ตอบรับเข้าเรียนประมาณ 1,900 คน หรือประมาณ 3.2% เท่านั้น มหาวิทยาลัยระดับโลกเหล่านี้ มีกรรมการคัดเลือก…

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US
อวสาน ! คนมีดีแค่คะแนน
“อวสาน ! คนมีดีแค่คะแนน”.เมื่อคะแนนอย่างเดียวมันไม่พออีกต่อไปในโลกของการเรียนต่อระดับโลก.ลองจินตนาการดูนะครับ ลูกเราได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยในฝัน Top 10 ของโลก เพื่อนๆ ในคลาสคือ คนที่ A-Level, IB, AP เกือบเต็ม และ SAT สูงมากๆ ระดับ 1,550++.แต่ไม่มีใครคุยกันเลย.เช้าเข้าเรียน เรียนเสร็จกลับห้อง ในห้องเรียนไม่มีใครตั้งคำถาม ไม่มีใคร Discuss ไม่มีใครลุกขึ้นมา Propose idea ใดๆ ให้อาจารย์ กิจกรรมของชมรมต่างๆ เงียบเหงา ไม่มีคนจัด Event ไม่มีใครทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือสอบ.แล้วจบออกมา คนเหล่านั้นก็เก่งอยู่คนเดียว ไปทำงานเงียบๆ อยู่ในโลกของตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้สร้างอะไรให้สังคม ไม่ได้ Inspire ใคร ไม่ได้ทำให้โลกดีขึ้น.ฟังดูน่าเศร้าใช่ไหมครับ?.และนี่คือสิ่งที่มหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลย.มหาวิทยาลัยไม่ได้มองหาคนเก่งที่สุด แต่เขามองหาคนที่เก่งพอประมาณ แต่ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้คนรอบข้างดีขึ้น มารวมกลุ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันที่มหาวิทยาลัย.มหาวิทยาลัยจึงอยากได้นักเรียนที่มี Sense of contribution เช่น นักเรียนที่เข้าเรียนแล้วมีส่วนร่วมใน Class, นักเรียนที่สร้าง Club สร้าง Activity…