“อวสาน ! คนมีดีแค่คะแนน”
.
เมื่อคะแนนอย่างเดียวมันไม่พออีกต่อไปในโลกของการเรียนต่อระดับโลก
.
ลองจินตนาการดูนะครับ ลูกเราได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยในฝัน Top 10 ของโลก เพื่อนๆ ในคลาสคือ คนที่ A-Level, IB, AP เกือบเต็ม และ SAT สูงมากๆ ระดับ 1,550++
.
แต่ไม่มีใครคุยกันเลย
.
เช้าเข้าเรียน เรียนเสร็จกลับห้อง ในห้องเรียนไม่มีใครตั้งคำถาม ไม่มีใคร Discuss ไม่มีใครลุกขึ้นมา Propose idea ใดๆ ให้อาจารย์ กิจกรรมของชมรมต่างๆ เงียบเหงา ไม่มีคนจัด Event ไม่มีใครทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือสอบ
.
แล้วจบออกมา คนเหล่านั้นก็เก่งอยู่คนเดียว ไปทำงานเงียบๆ อยู่ในโลกของตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้สร้างอะไรให้สังคม ไม่ได้ Inspire ใคร ไม่ได้ทำให้โลกดีขึ้น
.
ฟังดูน่าเศร้าใช่ไหมครับ?
.
และนี่คือสิ่งที่มหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลย
.
มหาวิทยาลัยไม่ได้มองหาคนเก่งที่สุด แต่เขามองหาคนที่เก่งพอประมาณ แต่ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้คนรอบข้างดีขึ้น มารวมกลุ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันที่มหาวิทยาลัย
.
มหาวิทยาลัยจึงอยากได้นักเรียนที่มี Sense of contribution เช่น นักเรียนที่เข้าเรียนแล้วมีส่วนร่วมใน Class, นักเรียนที่สร้าง Club สร้าง Activity ต่างๆ ให้เพื่อนๆ, นักเรียนที่กล้าแสดงความเห็นในการพัฒนามหาวิทยาลัยให้ดีขึ้น
.
เพราะคนเหล่านี้ต่างหาก ที่จบออกไปแล้ว จะสร้าง Impact ในวงกว้าง ทำให้รุ่นน้องๆ มองว่าพี่ๆ เป็น Idol และอยากจะไปเรียนตามรอยพี่ๆ ทำให้ชื่อของมหาวิทยาลัยเป็นที่ใฝ่ฝันของคนรุ่นหลังต่อไป
.
ถ้า Harvard หรือ Oxford รับแค่คนที่มีคะแนนดีอย่างเดียว ทั้งคลาสก็คงเต็มไปด้วยคนจีนคนอินเดีย เพราะ 2 ประเทศนี้ มีคนอัจฉริยะที่ทำ SAT และ Test score อื่นๆ สูงมาก
.
แต่เราจะเห็นว่าไม่ใช่เลย คะแนน SAT ของทั้ง Class มี Range ที่กว้างพอสมควร เช่น 1,420-1,550 เป็นต้น แถมมีคนหลายเชื้อชาติ หลาย Background มากมาย
.
อย่างที่ EverLearnX เอง เราช่วยน้องๆ ที่หลายคนคิดว่าไม่มีทางสอบติด Top U แต่กลับกลายเป็นสอบติด เช่น ได้ SAT เพียง 1,380 สอบติด Berkeley หรือ ได้ SAT เพียง 1,300 สอบติด NYU
.
แล้วมหาวิทยาลัยจะรู้ได้อย่างไรว่าใครคือคนที่ใช่?
.
คำตอบคือ อ่านจาก Application นั่นเองครับ เช่น
- อ่าน Application form เพื่อดูว่าลูกของเราเคยทำอะไรมาบ้าง?
- อ่าน Essays เพื่อดูว่าเป้าหมายลูกของเราคืออะไร? เป็นคนแบบไหน? Value เรื่องอะไร?
- อ่าน Recommendation Letters เพื่อดูว่าคนอื่นมองลูกของเราอย่างไร?
- Interview เพื่อดูบุคลิกตัวจริงของลูกว่าเป็นอย่างไร?
.
แล้ว Output เหล่านี้ จะดีไม่ได้เลย ถ้าไม่มี Input ที่ดี จากสิ่งที่เคยทำมาในอดีตจนปัจจุบัน ทั้งการเรียน (Academic) และ กิจกรรมนอกเวลา (Extracurricular Activity)
.
ดังนั้น ผมอยากฝากคุณพ่อคุณแม่แนะนำลูกๆ ว่าอย่าทุ่มเทแต่กับการสอบอย่างเดียวเด็ดขาด หรือใครคะแนน SAT, A-Level, AP, IB สูงแล้ว ก็ห้ามชะล่าใจ ใครที่ยังไม่รู้เป้าหมายชีวิต ให้รีบหา ส่วนใครที่รู้แล้วว่าเป้าหมายชีวิตคืออะไร ให้ทบทวนดูว่าสิ่งที่เคยทำมาในอดีตทั้งหมด มันเป็นหลักฐานสะท้อน Passion ของลูกที่จะไป Reach เป้าหมายนั้นหรือยัง?
.
ถ้ายัง ต้องหา Activity ทำเสริมตั้งแต่วันนี้แล้วไม่ใช่ตอนใกล้เขียนใบสมัครแล้วค่อยมาเร่งทำหรือมาแต่งเรื่องขึ้นครับ
.
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ลูกทำมาแล้วมันดีพอหรือยัง? หรือควรทำอะไรเพิ่มให้ Profile แข็งแรงขึ้น? ผมและทีม EverLearnX ยินดีช่วยดูแลและออกแบบเส้นทางให้นะครับ ปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
.
🧑🎓💼อยากให้ลูกได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในฝัน? สามารถปรึกษาฟรีเพื่อวางแผนการสมัครได้ที่🔽
https://lin.ee/5LArdAx
.
📍ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.everlearnx.com
.
🏆การันตีความสำเร็จโดยพี่ๆ ที่เคยติด Harvard, Stanford, Wharton, MIT, Columbia, UCLA, Oxford, Cambridge ช่วยแนะแนวทางให้ลูกแบบเจาะลึก