อวสาน ! คนมีดีแค่คะแนน

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

September 26, 2025

“อวสาน ! คนมีดีแค่คะแนน”
.
เมื่อคะแนนอย่างเดียวมันไม่พออีกต่อไปในโลกของการเรียนต่อระดับโลก
.
ลองจินตนาการดูนะครับ ลูกเราได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยในฝัน Top 10 ของโลก เพื่อนๆ ในคลาสคือ คนที่ A-Level, IB, AP เกือบเต็ม และ SAT สูงมากๆ ระดับ 1,550++
.
แต่ไม่มีใครคุยกันเลย
.
เช้าเข้าเรียน เรียนเสร็จกลับห้อง ในห้องเรียนไม่มีใครตั้งคำถาม ไม่มีใคร Discuss ไม่มีใครลุกขึ้นมา Propose idea ใดๆ ให้อาจารย์ กิจกรรมของชมรมต่างๆ เงียบเหงา ไม่มีคนจัด Event ไม่มีใครทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือสอบ
.
แล้วจบออกมา คนเหล่านั้นก็เก่งอยู่คนเดียว ไปทำงานเงียบๆ อยู่ในโลกของตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้สร้างอะไรให้สังคม ไม่ได้ Inspire ใคร ไม่ได้ทำให้โลกดีขึ้น
.
ฟังดูน่าเศร้าใช่ไหมครับ?
.
และนี่คือสิ่งที่มหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลย
.
มหาวิทยาลัยไม่ได้มองหาคนเก่งที่สุด แต่เขามองหาคนที่เก่งพอประมาณ แต่ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้คนรอบข้างดีขึ้น มารวมกลุ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันที่มหาวิทยาลัย
.
มหาวิทยาลัยจึงอยากได้นักเรียนที่มี Sense of contribution เช่น นักเรียนที่เข้าเรียนแล้วมีส่วนร่วมใน Class, นักเรียนที่สร้าง Club สร้าง Activity ต่างๆ ให้เพื่อนๆ, นักเรียนที่กล้าแสดงความเห็นในการพัฒนามหาวิทยาลัยให้ดีขึ้น
.
เพราะคนเหล่านี้ต่างหาก ที่จบออกไปแล้ว จะสร้าง Impact ในวงกว้าง ทำให้รุ่นน้องๆ มองว่าพี่ๆ เป็น Idol และอยากจะไปเรียนตามรอยพี่ๆ ทำให้ชื่อของมหาวิทยาลัยเป็นที่ใฝ่ฝันของคนรุ่นหลังต่อไป
.
ถ้า Harvard หรือ Oxford รับแค่คนที่มีคะแนนดีอย่างเดียว ทั้งคลาสก็คงเต็มไปด้วยคนจีนคนอินเดีย เพราะ 2 ประเทศนี้ มีคนอัจฉริยะที่ทำ SAT และ Test score อื่นๆ สูงมาก
.
แต่เราจะเห็นว่าไม่ใช่เลย คะแนน SAT ของทั้ง Class มี Range ที่กว้างพอสมควร เช่น 1,420-1,550 เป็นต้น แถมมีคนหลายเชื้อชาติ หลาย Background มากมาย
.
อย่างที่ EverLearnX เอง เราช่วยน้องๆ ที่หลายคนคิดว่าไม่มีทางสอบติด Top U แต่กลับกลายเป็นสอบติด เช่น ได้ SAT เพียง 1,380 สอบติด Berkeley หรือ ได้ SAT เพียง 1,300 สอบติด NYU
.
แล้วมหาวิทยาลัยจะรู้ได้อย่างไรว่าใครคือคนที่ใช่?
.
คำตอบคือ อ่านจาก Application นั่นเองครับ เช่น

  • อ่าน Application form เพื่อดูว่าลูกของเราเคยทำอะไรมาบ้าง?
  • อ่าน Essays เพื่อดูว่าเป้าหมายลูกของเราคืออะไร? เป็นคนแบบไหน? Value เรื่องอะไร?
  • อ่าน Recommendation Letters เพื่อดูว่าคนอื่นมองลูกของเราอย่างไร?
  • Interview เพื่อดูบุคลิกตัวจริงของลูกว่าเป็นอย่างไร?
    .
    แล้ว Output เหล่านี้ จะดีไม่ได้เลย ถ้าไม่มี Input ที่ดี จากสิ่งที่เคยทำมาในอดีตจนปัจจุบัน ทั้งการเรียน (Academic) และ กิจกรรมนอกเวลา (Extracurricular Activity)
    .
    ดังนั้น ผมอยากฝากคุณพ่อคุณแม่แนะนำลูกๆ ว่าอย่าทุ่มเทแต่กับการสอบอย่างเดียวเด็ดขาด หรือใครคะแนน SAT, A-Level, AP, IB สูงแล้ว ก็ห้ามชะล่าใจ ใครที่ยังไม่รู้เป้าหมายชีวิต ให้รีบหา ส่วนใครที่รู้แล้วว่าเป้าหมายชีวิตคืออะไร ให้ทบทวนดูว่าสิ่งที่เคยทำมาในอดีตทั้งหมด มันเป็นหลักฐานสะท้อน Passion ของลูกที่จะไป Reach เป้าหมายนั้นหรือยัง?
    .
    ถ้ายัง ต้องหา Activity ทำเสริมตั้งแต่วันนี้แล้วไม่ใช่ตอนใกล้เขียนใบสมัครแล้วค่อยมาเร่งทำหรือมาแต่งเรื่องขึ้นครับ
    .
    ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ลูกทำมาแล้วมันดีพอหรือยัง? หรือควรทำอะไรเพิ่มให้ Profile แข็งแรงขึ้น? ผมและทีม EverLearnX ยินดีช่วยดูแลและออกแบบเส้นทางให้นะครับ ปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
    .
    🧑‍🎓💼อยากให้ลูกได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในฝัน? สามารถปรึกษาฟรีเพื่อวางแผนการสมัครได้ที่🔽
    https://lin.ee/5LArdAx
    .
    📍ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.everlearnx.com
    .
    🏆การันตีความสำเร็จโดยพี่ๆ ที่เคยติด Harvard, Stanford, Wharton, MIT, Columbia, UCLA, Oxford, Cambridge ช่วยแนะแนวทางให้ลูกแบบเจาะลึก

Related post

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด

“เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”.เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้อ่านหนังสือชื่อ “HOME RUN แพ้กี่ครั้งไม่สำคัญ ขอตีโฮมรันครั้งเดียวพอ” ของพี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ ในตอนหนึ่ง พี่โจ้เล่าถึงเรื่อง Why us ของธุรกิจสินเชื่อกระเป๋าแบรนด์เนม bagforcash พร้อมกับบอกว่า “เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”.ทันทีที่ผมอ่านตอนนี้จบ ผมนึกถึงน้องๆ ที่กำลังจะสมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง Harvard, MIT, Stanford, Oxford, Cambridge ขึ้นมาทันทีเลยครับ.เพราะมหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ได้มองหาคนมาจ่ายเงินค่าเทอมมา “รับ” ความรู้และ Network ดีดีอย่างเดียว ถ้าต้องการแค่เงิน ผู้สมัครคนไหนก็ให้ได้ แต่มหาวิทยาลัยเหล่านี้มองหาคนที่จะมา “ให้” ต่างหาก เช่น ให้ความรู้เพื่อนร่วมชั้น ให้แรงบันดาลใจเพื่อนร่วมชั้น สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้แก่มหาวิทยาลัย ทั้งตอนเป็นนักเรียน และหลังเรียนจบไปแล้ว.คนแบบนี้ต่างหาก ที่ทำให้มหาวิทยาลัยยังมีคุณค่าต่อไปในโลกอนาคต และนั่นคือเหตุผลที่มหาวิทยาลัยระดับโลกจะถามคำถามในส่วนของ Supplemental…

Learn more

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

เจอ Bill Gates อยากบอกอะไร

“เจอ Bill Gates อยากบอกอะไร?”.คุณพ่อคุณแม่ลองจินตนาการตามผมนะครับ ถ้าลูกของเรามีโอกาสยืนอยู่ในลิฟต์กับ Bill Gates หนึ่งในคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกมากที่สุดในยุคนี้ เขาหันมายิ้มให้ลูก ทักทาย แนะนำตัว พร้อมถามสั้น ๆ ว่า “Please tell me a bit about yourself.” ซึ่งอีก 10 วินาทีลิฟต์จะถึงที่หมาย ลูกเราจะพูดว่าอะไรดีครับ?.“ผมเรียนเก่งครับ ได้ GPA 4.0 ทุกเทอม”“หนูเป็นหัวหน้า 3 ชมรม ทำกิจกรรมเยอะค่ะ”“ผมเป็นตัวแทนแข่งวิทยาศาสตร์ระดับชาติครับ”.ฟังดูดีหมดเลยครับ แต่มันยังไม่ทำให้เขาจำลูกของเราได้เลย เพราะประโยคเหล่านั้น ยังไม่แสดงว่า “ตัวตน” ของลูกคืออะไร?.ประโยคเหล่านั้น คือข้อมูล แต่ไม่ใช่เรื่องเล่า ประโยคเหล่านั้น คือสิ่งที่ทำ แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่เป็น.Harvard ระดับ Undergrad ล่าสุดมีผู้สมัครประมาณ 60,000 คน ได้ตอบรับเข้าเรียนประมาณ 1,900 คน หรือประมาณ 3.2% เท่านั้น มหาวิทยาลัยระดับโลกเหล่านี้ มีกรรมการคัดเลือก…

Learn more

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

เก่งแค่ไหน ก็ต้องมีโค้ช

“เก่งแค่ไหน ก็ต้องมีโค้ช”.ย้อนกลับไปในช่วงที่ Tiger Woods กำลังพีคที่สุดในชีวิต เขาคือเบอร์ 1 ของโลก ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟไหนที่เขาลงแข่ง เขาคือความหวังของกองเชียร์ทั้งสนาม.แต่รู้ไหมครับว่า ขนาดเขาตีไกล ตีแม่น ระดับโลกแล้ว ยังมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Tiger ตัดสินใจรื้อวงสวิงตัวเองใหม่หมด เขาขอให้ Hank Haney โค้ชกอล์ฟชื่อดัง เข้ามาปรับวงสวิงให้.คนที่เล่นกอล์ฟจะรู้ว่า การเปลี่ยนวงสวิง คือความทรมานทางจิตใจมากๆ นะครับ เพราะช่วงแรกจะตีไม่ได้แม่นยำเหมือนเดิม แต่ Tiger รู้ดีว่า แม้เขาจะเก่งที่สุดในโลก แต่ถ้าหยุดพัฒนา เพราะคิดว่าแบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว เขาจะไม่มีวันไปได้ไกลกว่านี้.และนั่นคือเหตุผลที่เขายอมเจ็บ เพื่อจะเติบโตเขายอมถอยหนึ่งก้าว เพื่อจะกระโดดไปไกลกว่าที่เคย.แต่ทำไมเขาไม่ปรับวงสวิงเองล่ะ ทำไมต้องมี Hank Haney มาปรับให้?.เพราะต่อให้เขาเป็นนักกีฬาที่เก่งที่สุดในโลก เขาก็ไม่มีทางมองตัวเองจากภายนอกได้ Tiger เคยบอกว่าบางอย่างเขาทำผิดมานาน โดยที่ไม่รู้ตัวเลย จนกระทั่งโค้ชเข้ามาช่วยมองให้.และนอกจาก Tiger แล้ว นักกีฬาระดับโลกคนอื่นๆ ก็มีโค้ชกันหมด ไม่ว่าจะเป็น Kobe Bryant (Phil Jackson เป็นโค้ชให้), Serena Williams…

Learn more