ปลูก 100 ป่า ก็เข้า Ivy League ไม่ได้

Study Abroad FAQs, Study in US

May 9, 2025

”ปลูก 100 ป่า ก็เข้า Ivy League ไม่ได้“ 🌳🇺🇸

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านยังมีความเชื่อว่า ถ้าจะเข้ามหาวิทยาลัยระดับ Ivy League, Oxford, Cambridge หรือเทียบเท่า ต้องทำกิจกรรมเยอะๆ จึงมักสนับสนุนให้ลูกทำกิจกรรมตามเพื่อนๆ เช่นเวลามีงานอาสาปลูกป่า, แจกของเด็กด้อยโอกาส, บริจาคเลือด ก็ไปหมด ทั้งๆ ที่ตัวของลูกอาจจะไม่อินและฝืนใจไปทุกครั้ง เพียงเพื่อให้ Profile ดูดี

วันนี้ ผมอยากให้คุณพ่อคุณแม่ลบภาพจำว่า “กิจกรรม” เท่ากับ ปลูกป่า, บริจาคเลือด, ไปค่ายอาสา, บริจาคสิ่งของ หรืองานจิตอาสาอื่นๆ เท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วสิ่งที่นับเป็นกิจกรรมได้ มีอีกเยอะมาก เช่น

  • การแข่งขันและรางวัล (Award/Competition)
  • ประกาศนียบัตร (Certificates)
  • งานวิจัย (Research)
  • โปรเจกต์ส่วนตัว (Self-initiated Project)
  • ฝึกงาน (Internship)
  • กีฬา, ดนตรี, ภาษา เป็นต้น

“กิจกรรม” จึงไม่ใช่สิ่งที่ต้องแสดงว่าลูกเป็น “คนดี” ยอมตากแดด ตากฝน เพื่อช่วยเหลือคนอื่นเท่านั้น แต่ต้องเป็นสิ่งที่ทำเพื่อคนอื่นในแบบของตัวเองในทางใดทางหนึ่ง เช่น อยู่บ้านเขียน Blog เรื่อง Coding ก็นับเป็นกิจกรรมที่ดีได้ครับ

แต่จะทำกิจกรรมอะไรนั้น ต้องดูก่อนว่าลูกชอบอะไรและเป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยมองหาหรือไม่ แล้วพยายามทำสิ่งที่ชอบให้โดดเด่น ให้เห็นเป็น Theme ชัดเจน อย่าสะเปะสะปะ เพราะคนที่ทำทุกอย่างแต่ไม่มีอะไรโดดเด่น สุดท้ายจะถูกกลืนในกองใบสมัครอีก 10,000+ ฉบับจากคู่แข่งทั่วโลก

น้องมินเป็นเด็กที่ไม่ชอบค่ายอาสาเลย เกลียดดิน กลัวแดด กลัวแมลง แต่น้องชอบ Dancing มากและชอบเล่าเรื่องผ่านคลิปวิดีโอ

สิ่งที่ผมและ EverLearnX แนะนำให้น้องทำ คือสร้างช่องใน YouTube สอนเทคนิคการเต้นให้กับเด็กไทยอายุ 12-18 ปี ลงคลิปสัปดาห์ละ 1 ครั้งอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปี

จากผู้ติดตามหลักสิบ ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนมีผู้ติดตาม 10,000 คน และมีโรงเรียนสอนเต้นหลายแห่งเปิดคลิปของน้องให้นักเรียนดู

กิจกรรมแบบนี้นับเป็น “Self-Initiated Project”
และคือสิ่งที่มหาวิทยาลัยระดับ Ivy League มองว่าน่าสนใจ และมี Passion จริง มากกว่าน้องๆ ที่ฝืนทำกิจกรรมที่ตัวเองไม่อินเพียงเพื่อให้ดูดีครับ

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยไม่ได้ดูแค่ว่าทำกิจกรรม “อะไร”
แต่ดูด้วยว่า ทำกิจกรรม “ระดับไหน” ด้วยครับ ซึ่งผมขอแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้

Join คือเข้าร่วมเฉยๆ เช่น ไปปลูกป่า, ร่วมเป็นอาสาสมัครแจกของขวัญเด็กต่างจังหวัด แบบไปเป็นครั้งคราว คราวละ 1-2 วัน เป็นต้น

Lead คือเป็นหนึ่งในทีมผู้จัดงาน เช่น เป็น President ของชมรม, เป็นรอง President ดูแลเรื่อง Finance ของชมรม เป็นต้น แสดงถึงความจริงจังและ Passion ได้ดีกว่าอันแรก เพราะต้องทุ่มแรงกายมากกว่า

Initiate คือเป็นคนคิดและลงมือทำเองตั้งแต่แรก เช่น ทำ VDO สอน Dancing ลง YouTube, ทำ Blog แชร์ความรู้เรื่องที่ถนัด, เขียนหนังสือเกี่ยวกับเคล็ดลับการเรียนมัธยมปลายอย่างมีความสุข เป็นต้น ซึ่งแสดงถึงความจริงจังและ Passion ขั้นสูงสุด
.
ปกติแล้ว ถ้าลูกจะสมัครมหาวิทยาลัยระดับ Ivy League จะต้องทำผ่านระบบ Common App โดยสามารถกรอกตัวกิจกรรมได้สูงสุด 10 กิจกรรม ซึ่งผมแนะนำว่าควรกรอกให้เต็มครับ และอย่างน้อยควรมีกิจกรรมระดับ Lead และ Initiate รวมกัน 4 อย่าง และต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำแค่ครั้งเดียวจบ และที่สำคัญคือ เริ่มให้เร็ว เพราะถ้าเริ่มช้าเกินไป มหาวิทยาลัยจะรู้ทันว่าลูกทำเพราะอยากสมัคร ไม่ได้มาจาก Passion จริง
.
ทีนี้ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่า Profile ของลูกเด่นพอหรือยัง?
.
ก่อนส่งใบสมัคร ผมแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่และลูกลองถามตัวเองดูครับ ว่า … “ถ้าเพื่อนของลูกจะทำกิจกรรมให้ได้ระดับเดียวกันนี้ ต้องใช้เวลาอีกนานมั้ย?” ถ้าคำตอบคือ … อีกแป้บเดียวก็ทำทันแล้ว
แสดงว่า โปรไฟล์ของลูกยังไม่เด่นพอครับ แต่ถ้าคำตอบคือ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี กว่าจะทำได้เทียบเท่า แสดงว่าลูกมีความได้เปรียบจริงๆ
.
อย่าลืมนะครับ มหาวิทยาลัยไม่ได้หา “คนดี” แต่หาคนที่รู้ว่าตัวเองคือใครและกล้าทำสิ่งที่ตัวเองรักให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ครับ
.
🇺🇸🇬🇧อยากให้ลูกได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในฝัน สามารถปรึกษาฟรีเพื่อวางแผนการสมัครได้ที่
Add Line OA: @everlearnx
.
🎉 การันตีความสำเร็จโดยพี่ๆ ที่เคยติด Harvard, Stanford, Wharton, MIT, Columbia, UCLA, Oxford, Cambridge ช่วยแนะแนวทางให้ลูกแบบเจาะลึก

    Related post

    Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

    เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด

    “เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”.เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้อ่านหนังสือชื่อ “HOME RUN แพ้กี่ครั้งไม่สำคัญ ขอตีโฮมรันครั้งเดียวพอ” ของพี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ ในตอนหนึ่ง พี่โจ้เล่าถึงเรื่อง Why us ของธุรกิจสินเชื่อกระเป๋าแบรนด์เนม bagforcash พร้อมกับบอกว่า “เขียน Why us ไม่ได้ เตรียม Why วอด”.ทันทีที่ผมอ่านตอนนี้จบ ผมนึกถึงน้องๆ ที่กำลังจะสมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง Harvard, MIT, Stanford, Oxford, Cambridge ขึ้นมาทันทีเลยครับ.เพราะมหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ได้มองหาคนมาจ่ายเงินค่าเทอมมา “รับ” ความรู้และ Network ดีดีอย่างเดียว ถ้าต้องการแค่เงิน ผู้สมัครคนไหนก็ให้ได้ แต่มหาวิทยาลัยเหล่านี้มองหาคนที่จะมา “ให้” ต่างหาก เช่น ให้ความรู้เพื่อนร่วมชั้น ให้แรงบันดาลใจเพื่อนร่วมชั้น สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้แก่มหาวิทยาลัย ทั้งตอนเป็นนักเรียน และหลังเรียนจบไปแล้ว.คนแบบนี้ต่างหาก ที่ทำให้มหาวิทยาลัยยังมีคุณค่าต่อไปในโลกอนาคต และนั่นคือเหตุผลที่มหาวิทยาลัยระดับโลกจะถามคำถามในส่วนของ Supplemental…

    Learn more

    Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

    เจอ Bill Gates อยากบอกอะไร

    “เจอ Bill Gates อยากบอกอะไร?”.คุณพ่อคุณแม่ลองจินตนาการตามผมนะครับ ถ้าลูกของเรามีโอกาสยืนอยู่ในลิฟต์กับ Bill Gates หนึ่งในคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกมากที่สุดในยุคนี้ เขาหันมายิ้มให้ลูก ทักทาย แนะนำตัว พร้อมถามสั้น ๆ ว่า “Please tell me a bit about yourself.” ซึ่งอีก 10 วินาทีลิฟต์จะถึงที่หมาย ลูกเราจะพูดว่าอะไรดีครับ?.“ผมเรียนเก่งครับ ได้ GPA 4.0 ทุกเทอม”“หนูเป็นหัวหน้า 3 ชมรม ทำกิจกรรมเยอะค่ะ”“ผมเป็นตัวแทนแข่งวิทยาศาสตร์ระดับชาติครับ”.ฟังดูดีหมดเลยครับ แต่มันยังไม่ทำให้เขาจำลูกของเราได้เลย เพราะประโยคเหล่านั้น ยังไม่แสดงว่า “ตัวตน” ของลูกคืออะไร?.ประโยคเหล่านั้น คือข้อมูล แต่ไม่ใช่เรื่องเล่า ประโยคเหล่านั้น คือสิ่งที่ทำ แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่เป็น.Harvard ระดับ Undergrad ล่าสุดมีผู้สมัครประมาณ 60,000 คน ได้ตอบรับเข้าเรียนประมาณ 1,900 คน หรือประมาณ 3.2% เท่านั้น มหาวิทยาลัยระดับโลกเหล่านี้ มีกรรมการคัดเลือก…

    Learn more

    Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

    อวสาน ! คนมีดีแค่คะแนน

    “อวสาน ! คนมีดีแค่คะแนน”.เมื่อคะแนนอย่างเดียวมันไม่พออีกต่อไปในโลกของการเรียนต่อระดับโลก.ลองจินตนาการดูนะครับ ลูกเราได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยในฝัน Top 10 ของโลก เพื่อนๆ ในคลาสคือ คนที่ A-Level, IB, AP เกือบเต็ม และ SAT สูงมากๆ ระดับ 1,550++.แต่ไม่มีใครคุยกันเลย.เช้าเข้าเรียน เรียนเสร็จกลับห้อง ในห้องเรียนไม่มีใครตั้งคำถาม ไม่มีใคร Discuss ไม่มีใครลุกขึ้นมา Propose idea ใดๆ ให้อาจารย์ กิจกรรมของชมรมต่างๆ เงียบเหงา ไม่มีคนจัด Event ไม่มีใครทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือสอบ.แล้วจบออกมา คนเหล่านั้นก็เก่งอยู่คนเดียว ไปทำงานเงียบๆ อยู่ในโลกของตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้สร้างอะไรให้สังคม ไม่ได้ Inspire ใคร ไม่ได้ทำให้โลกดีขึ้น.ฟังดูน่าเศร้าใช่ไหมครับ?.และนี่คือสิ่งที่มหาวิทยาลัยระดับโลกไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลย.มหาวิทยาลัยไม่ได้มองหาคนเก่งที่สุด แต่เขามองหาคนที่เก่งพอประมาณ แต่ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้คนรอบข้างดีขึ้น มารวมกลุ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันที่มหาวิทยาลัย.มหาวิทยาลัยจึงอยากได้นักเรียนที่มี Sense of contribution เช่น นักเรียนที่เข้าเรียนแล้วมีส่วนร่วมใน Class, นักเรียนที่สร้าง Club สร้าง Activity…

    Learn more