“คนสอบติด Ivy League มีอะไรเหมือนกัน?”
.
สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้อ่านบทความหนึ่งของคุณรวิศ หาญอุตสาหะ เจ้าของเพจ Mission To The Moon เรื่อง “คนเก่งมีอะไรเหมือนกัน” จึงเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมได้ตกผลึกว่า แล้วนักเรียนของ EverLearnX ทุกคนที่สอบติดมหาวิทยาลัยระดับโลก เช่น Ivy League, Oxford, Cambridge มีอะไรเหมือนกันบ้าง จนพบว่าพวกเขา …
.
ไม่ใช่แค่ Profile ดี หรือคะแนนสอบสูง
ไม่ใช่แค่โชคดี หรือมี Network/Connection ของคุณพ่อคุณแม่ช่วย
แต่เป็นนิสัยบางอย่างเล็กๆ ที่ทำอย่างสม่ำเสมอต่างหาก
.
สิ่งที่ดูเหมือนเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน กลับเป็นสิ่งที่แยกผู้ที่สอบติดออกจากผู้ที่เกือบสอบติด ผมสรุปออกมาได้ 4 ข้อ ดังนี้
.
- คนสอบติด คือ คนที่ออกแบบชีวิตตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ
ไม่ใช่แค่คนเก่งเท่านั้นที่สอบติด แต่คือคนที่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นใครในอนาคต และยอมลงทุนกับชีวิตตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ
ตัวอย่างเช่น น้องดรีม (นามสมมติ) ที่สอบติดปริญญาตรีด้าน Robotics & Artificial Intelligence ที่ Carnegie Mellon University
.
ตอน ม.3 น้องดรีมได้ไปเข้าค่าย Robotics Camp ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และได้ลองเขียนโปรแกรมควบคุมแขนกลครั้งแรก แล้วมันขยับได้จริง นั่นทำให้น้องตื่นเต้นมากและเริ่มสนใจโลกของ AI และหุ่นยนต์ทันที
.
จากนั้นน้องดรีมจึงเริ่มออกแบบชีวิตใหม่ เช่น เรียน Python ด้วยตัวเองจาก YouTube และ Udemy, เข้าร่วมการแข่งขันออกแบบหุ่นยนต์ของโรงเรียน (แม้ยังแพ้ในรอบแรก แต่ได้เรียนรู้เยอะมาก), ทำ Self Project เล็กๆ เช่น โปรแกรม Chatbot สำหรับใช้ตอบคำถามนักเรียนใหม่ในโรงเรียนตัวเอง, อ่านหนังสือและฟัง Podcast เกี่ยวกับ AI เป็นต้น
.
แม้จะไม่ได้เรียนในโรงเรียนอินเตอร์ที่มีช่องทางทำกิจกรรมนอกเวลาต่างๆ พอสมควร แต่น้องดรีมใช้เวลาหลังเลิกเรียนและเสาร์-อาทิตย์ในการต่อยอดความรู้ด้วยตัวเองและทำสิ่งที่จับต้องได้จริงตลอด 3 ปี ทำให้มหาวิทยาลัยระดับโลกเห็นทั้ง Passion, ความพยายาม และความคิดสร้างสรรค์อย่างเป็นรูปธรรม
.
สุดท้ายน้องดรีมสอบติดสาขาและโรงเรียนในฝันครับ - คนสอบติด คือ คนที่ไม่พึ่งแรงบันดาลใจ แต่ใช้ระบบเป็นตัวขับเคลื่อน
แรงบันดาลใจอาจทำให้ลูกของเราได้เริ่ม แต่ระบบจะทำให้ลูกของเราไปถึงเส้นชัย
.
สำหรับน้องๆ หลายคน เวลาสอบ SAT, A-Level, IB, AP ช่วงแรกมักจะฮึกเหิมมาก แต่พอเหนื่อย ก็หยุด แล้วกลับมาใหม่ แล้วหายไปอีก กลายเป็นเดี๋ยวตั้งใจ เดี๋ยวไม่ตั้งใจ
.
ในขณะที่น้องๆ ที่สอบติดมหาวิทยาลัยระดับโลก มักสร้างระบบที่ทำให้เรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น เริ่มจากคิดว่าตัวเองเป็นคนมีสมาธิที่สุดตอนเช้าหรือตอนกลางคืน แล้วก็วางตารางอ่านหนังสือไว้ในเวลานั้นๆ ทุกวันไม่มีเว้น, มีกล่องปิดเอาไว้เก็บโทรศัพท์เวลาต้องอ่านหนังสือ, พก Flash Card ไว้ในกระเป๋าทุกวันไว้อ่านเวลาเดินทาง, หา Tutor เพื่อบังคับให้เราต้องฝึก ต้องไปเรียน ไม่งอแง เป็นต้น
.
ระบบพวกนี้ จะทำให้ลูกของเราไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ผลัด ไม่หนี ไม่มีคำว่า “เอาไว้ก่อน” หรือ “วันนี้เหนื่อย” เพราะระบบมันพาเดินหน้าให้เอง คุณพ่อคุณแม่ลองใช้วิธีนี้ช่วยลูกในการเตรียมสอบดูครับ ผมมั่นใจว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไปในเวลาไม่นาน
. - คนสอบติด คือ คนที่ดูแลร่างกายและจิตใจของตัวเอง
คุณพ่อคุณแม่หลายคนคิดว่าการให้ลูกสอบติดมหาวิทยาลัยระดับโลก ลูกต้องอ่านหนังสือให้หนัก ติวให้เยอะที่สุด ทำกิจกรรมให้แน่นที่สุด จริงจังกับการเขียน Application หรือใบสมัครในส่วนต่างๆ ให้มากที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่แยกคนที่สอบติดออกจากคนที่สอบไม่ติด มักไม่ใช่คนที่หักโหม แต่เป็นคนที่ดูแลร่างกายและจิตใจของตัวเองอย่างดีต่างหาก
.
คนที่สอบติด มักเป็นคนที่รู้จักจัดการพลังชีวิตของตัวเองอย่างดี คนเหล่านี้ ไม่ใช้ชีวิตแบบหมดแรงต่อเนื่องหลายๆ วัน ไม่หักโหมจน Burnout แต่มีวินัยใน 4 เรื่องสำคัญ ทั้งการนอน การกินอาหารที่ดี การออกกำลังกาย และรู้วิธีจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ
.
คนที่สอบติด รู้ว่าพลังงานกายและใจคือต้นทุนที่สำคัญที่สุดในการเตรียมตัวสมัคร เพราะส่งผลต่อสมาธิในการสอบ การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ในการเขียน Essay … คนที่พังจากภายใน ไม่มีวันสอบติด
.
คุณพ่อคุณแม่เคยสังเกตมั้ยครับ ว่าทำไมบางครั้ง ลูกของเราไปสอบ SAT แล้วคะแนนแต่ละครั้งแตกต่างกันมาก บางครั้งคะแนนตกลงเยอะจากครั้งก่อนหน้าด้วย ทั้งที่ลูกของเราก็ตั้งใจเรียนรู้เตรียมสอบอย่างต่อเนื่อง ผมขอยกตัวอย่างของน้องแคท (นามสมมติ) ที่สอบติดปริญญาตรีด้าน Business Analytics ที่ University of Michigan, Ann Arbor
.
ช่วงเทอมปลายของ Year 11 น้องแคทตั้งเป้าไว้ชัดเจนว่าอยากไปเรียนต่อ Michigan จึงเริ่มจริงจังกับการสอบ SAT แต่พอน้องเริ่มติวเข้มจริงจัง กลับพบว่า แม้จะอ่านหนังสือหนักมาก วันธรรมดาอ่าน 3 ชั่วโมง, เสาร์-อาทิตย์นั่งโต้รุ่ง คะแนน SAT กลับไม่ขึ้น แถมยังรู้สึกเหนื่อย สมองเบลอ และเริ่มหมดกำลังใจ
.
พี่เมฆและทีม EverLearnX เลยชวนน้องและคุณพ่อคุณแม่มานั่งวางแผนระบบการดูแลพลังงานชีวิตใหม่หมด เริ่มจากปรับเวลาอ่านหนังสือให้สมดุลขึ้น ไม่ติวจนหักโหม, กำหนดเวลาเข้านอนให้ไม่เกิน 4 ทุ่ม, ทานอาหารดีๆ มีประโยชน์, ออกกำลังกายเป็นประจำ และหากเครียด ก็ให้น้องฟังเสียงธรรมชาติหรือเพลงผ่อนคลายแทนการเล่นมือถือ
.
หลังจากเปลี่ยน Lifestyle ผลคะแนน SAT ของน้องแคทเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด น้องเลยสามารถใช้คะแนนนี้ประกอบกับใบสมัครที่โดดเด่น จนสอบติดมหาวิทยาลัยในฝันได้สำเร็จครับ
. - คนสอบติด คือ คนที่มี “Quiet Time”
Bill Gates ใช้เวลา 2 สัปดาห์ในแต่ละปี ปลีกวิเวกในกระท่อมกลางป่า ไม่มีสิ่งรบกวนใดๆ ทั้ง Computer และมือถือ ทุกอย่างเป็น Analog หมด เพื่อใช้เวลาที่อยู่คนเดียวในการ Reflect ตัวเอง อ่านหนังสือ ทำสมาธิ จนหลายๆ ครั้งเขามักกลับมาพร้อมไอเดียที่ยิ่งใหญ่แก่ Microsoft
.
คนที่สอบติด Ivy League และมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกหลายๆ คนก็ทำลักษณะคล้ายกัน คุณพ่อคุณแม่คงไม่จำเป็นต้องหา Resort ปลีกวิเวกกลางป่าแบบ Bill Gates ให้ลูก แต่ขอให้สนับสนุนลูกให้ใช้เวลาเงียบๆ ในแต่ละสัปดาห์ อยู่กับตัวเอง ปิดโทรศัพท์ ปิด Computer แล้วถามตัวเองว่า
- ทำไมเราอยากเรียนสาขานี้?
- อาชีพที่อยากทำคืออะไร? เพราะอะไร?
- ทำไมอยากเรียนมหาวิทยาลัยนี้?
- จุดขายของเราคืออะไร?
- จุดอ่อนของเราคืออะไร?
- เราจะ Contribute อะไรให้มหาวิทยาลัย?
- และอื่นๆๆ
แล้วก็มา Brainstorm กันกับพี่ๆ EverLearnX อย่างต่อเนื่อง พร้อมรับการบ้านสำหรับสัปดาห์ถัดไป ซึ่งคำตอบเหล่านี้ที่น้องๆ และพี่ๆ EverLearnX ช่วยกันคิดนี่แหละ ที่ทำให้ Essay และใบสมัครของน้องทรงพลังและมีชีวิต ไม่ใช่เขียนให้ภาษาสวย แต่ไร้หัวใจ
.
กล่าวโดยสรุป สิ่งที่คนสอบติด Ivy League, Oxford, Cambridge, และมหาวิทยาลัยชั้นนำมีเหมือนกัน คือคนเหล่านี้เตรียมพร้อมมาก่อนล่วงหน้าเนิ่นๆ โดยมีการ Set ระบบดูแลร่างกาย จิตใจ ให้สมดุล ซึ่งถ้าวันนี้ ลูกของเรายังไม่ได้เริ่ม ก็เริ่มได้เลย เราสามารถสนับสนุนลูกให้เปลี่ยน Default ของชีวิตทีละนิด จากที่ใช้ชีวิตไปวันๆ กลายเป็นคนที่ออกแบบระบบให้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย จากที่ไม่เคยดูแลสุขภาพ ก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญ จากที่มี Distraction มากมาย ก็เริ่มหาเวลาอยู่กับตัวเอง
.
ในไม่ช้า ลูกของเราจะต้องสอบติดได้ตามความฝันครับ
.
แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน ผมและ EverLearnX ก็ยินดีช่วยคุณพ่อคุณแม่ออกแบบเส้นทางชีวิตที่เหมาะสมให้แก่ลูกนะครับ
.
🧑🎓💼อยากให้ลูกได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในฝัน? สามารถปรึกษาฟรีเพื่อวางแผนการสมัครได้ที่🔽
https://lin.ee/5LArdAx หรือ Add Line OA: @everlearnx
.
📍ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.everlearnx.com
.
🏆การันตีความสำเร็จโดยพี่ๆ ที่เคยติด Harvard, Stanford, Wharton, MIT, Columbia, UCLA, Oxford, Cambridge ช่วยแนะแนวทางให้ลูกแบบเจาะลึก



