รู้จัก Ivy League Universities ที่เป็นมากกว่ามหาวิทยาลัยในฝัน

Study in US

มกราคม 14, 2025

ivy league คือ

Ivy League เป็นชื่อที่คุ้นหูสำหรับผู้ที่สนใจการศึกษาต่อต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบที่มาและความสำคัญของกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำกลุ่มนี้

Ivy League คืออะไร?

Ivy League เป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ กลุ่มนี้ประกอบด้วยมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพการศึกษาและการวิจัยสูงมาก โดยเริ่มต้นจากการรวมตัวกันในปี 1954 เพื่อการแข่งขันด้านกีฬา แต่ต่อมาได้พัฒนาไปสู่การร่วมมือกันในการยกระดับการศึกษาจนกลายเป็นที่รู้จักในระดับโลก

มหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy League มีจุดเด่นที่สำคัญคือ การคัดเลือกนักเรียนที่เข้มงวดมาก โดยมีเกณฑ์การรับสมัครที่สูง นักเรียนที่มีโอกาสเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเหล่านี้ต้องแสดงถึงความสามารถทางวิชาการและทักษะอื่น ๆ ที่โดดเด่น นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในกลุ่มนี้ยังมีชื่อเสียงด้านการสนับสนุนการศึกษาที่เป็นเลิศ และมีทรัพยากรที่หลากหลายสำหรับนักศึกษา

Ivy League มีมหาลัยอะไรบ้าง

กลุ่ม Ivy League ประกอบด้วยมหาวิทยาลัย 8 แห่งที่มีคุณภาพการศึกษาและการวิจัยสูง โดยแต่ละแห่งมีจุดเด่นและความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. มหาวิทยาลัยบราวน์ (Brown University) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1764

  • ที่ตั้ง: เมืองพรอวิเดนซ์ รัฐโรดไอแลนด์
  • จุดเด่น: บราวน์เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษาแบบเปิด ซึ่งอนุญาตให้นักเรียนสามารถออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้ของตนเองได้ นอกจากนี้ยังมีความเข้มแข็งในด้านศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์

ศึกษาเพิ่มเติม : โปรไฟล์มหาวิทยาลัย Brown University

2. มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1754

  • ที่ตั้ง: นครนิวยอร์ก
  • จุดเด่น: โคลัมเบียเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในนครนิวยอร์ก มีชื่อเสียงในด้านการวิจัยและการผลิตศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมาย รวมถึงผู้ได้รับรางวัลโนเบลจำนวนมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการศึกษาที่หลากหลายและเข้มข้น

ศึกษาเพิ่มเติม : โปรไฟล์มหาวิทยาลัย Columbia University

3. มหาวิทยาลัยคอร์เนล (Cornell University) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1865

  • ที่ตั้ง: เมืองอิทากา รัฐนิวยอร์ก
  • จุดเด่น: คอร์เนลเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัยและเปิดรับนักเรียนจากทุกสาขา มีชื่อเสียงในด้านการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ โดยเฉพาะในด้านเกษตรกรรมและวิศวกรรม นอกจากนี้ยังมีแคมปัสที่สวยงามซึ่งตั้งอยู่บนภูเขา

ศึกษาเพิ่มเติม : โปรไฟล์มหาวิทยาลัย Cornell University

4. วิทยาลัยดาร์ทมัธ (Dartmouth College) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1769

  • ที่ตั้ง: เมืองฮานโนเวอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์
  • จุดเด่น: ดาร์ทมัธเป็นวิทยาลัยเล็กที่สุดในกลุ่ม Ivy League มีความโดดเด่นในด้านการศึกษาแบบใกล้ชิดระหว่างนักศึกษาและอาจารย์ โดยเฉพาะในสาขาสังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ

ศึกษาเพิ่มเติม : โปรไฟล์มหาวิทยาลัย Dartmouth College

5. มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1636

  • ที่ตั้ง: เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์
  • จุดเด่น: ฮาร์วาร์ดเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และถือเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก มีความเข้มแข็งในทุกสาขาวิชา โดยเฉพาะด้านกฎหมาย ธุรกิจ และการแพทย์

ศึกษาเพิ่มเติม : โปรไฟล์มหาวิทยาลัย Harvard University

6. มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1746

  • ที่ตั้ง: เมืองพรินซ์ตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์
  • จุดเด่น: พรินซ์ตันมีชื่อเสียงในด้านการศึกษาระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านมนุษยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มีบรรยากาศการเรียนรู้ที่เข้มข้นและสนับสนุนให้นักเรียนทำงานวิจัยอย่างจริงจัง

ศึกษาเพิ่มเติม : โปรไฟล์มหาวิทยาลัย Princeton University

7. มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1740

  • ที่ตั้ง: เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย
  • จุดเด่น: เพนซิลเวเนียเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะโปรแกรม Wharton School ที่มีชื่อเสียงระดับโลก นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายทางวิชาการสูง

ศึกษาเพิ่มเติม : โปรไฟล์มหาวิทยาลัย University of Pennsylvania

8. มหาวิทยาลัยเยล (Yale University) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1701

  • ที่ตั้ง: เมืองนิวเฮเวน รัฐคอนเนตทิคัต
  • จุดเด่น: เยลเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านศิลปะและมนุษยศาสตร์ มีโปรแกรมการศึกษาที่หลากหลาย รวมถึงโรงเรียนกฎหมายที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง ศิษย์เก่าของเยลรวมถึงบุคคลสำคัญทางการเมืองและวรรณกรรมมากมาย

ศึกษาเพิ่มเติม : โปรไฟล์มหาวิทยาลัย Yale University

Ivy League เข้ายากไหม

การเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย Ivy League ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เนื่องจากอัตราการรับนักเรียนต่ำ โดยทั่วไปแล้ว มหาวิทยาลัยเหล่านี้จะรับนักเรียนเพียงประมาณ 10% ของผู้สมัครทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าผู้สมัครต้องมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยม คะแนนสอบมาตรฐานสูง (SAT/ACT) รวมถึงมีกิจกรรมเสริมหลักสูตรและความสามารถพิเศษอื่น ๆ ที่แสดงถึงความสามารถ ความมุ่งมั่นในการศึกษา และต้องมีจดหมายแนะนำตัวที่โดดเด่น ถึงจะมีโอกาสได้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเหล่านี้

ค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่ Ivy League

ค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่มหาวิทยาลัย Ivy League สูงกว่ามหาวิทยาลัยทั่วไป ซึ่งค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่มหาวิทยาลัย Ivy League ในปีการศึกษา 2024-2025 มีการปรับตัวสูงขึ้น โดยรวมแล้วค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,800,000 – 3,150,000 บาท ต่อปี ซึ่งรวมถึงค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียม ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ สำหรับนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงิน มหาวิทยาลัยในกลุ่มนี้มีระบบการสนับสนุนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบัน

ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมต่อปีการศึกษา (2023-2024)

  • Harvard University: ประมาณ 2,004,135 บาท
  • Yale University: ประมาณ 2,264,500 บาท
  • Princeton University: ประมาณ 2,009,350 บาท
  • Columbia University: ประมาณ 2,293,340 บาท
  • Brown University: ประมาณ 2,280,110 บาท
  • University of Pennsylvania: ประมาณ 1,967,420 บาท
  • Dartmouth College: ประมาณ 2,211,930 บาท
  • Cornell University: ประมาณ 2,185,960 บาท

ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ต่อปี

  • ค่าที่พัก/หอพัก: 525,000 – 700,000 บาท
  • ค่าอาหาร: 210,000 – 280,000 บาท
  • ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียน: 35,000 – 70,000 บาท
  • ค่าประกันสุขภาพ: 105,000 – 140,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว: 70,000 – 105,000 บาท

นักเรียนที่มีความต้องการทางการเงินสามารถสมัครขอรับทุนการศึกษาและความช่วยเหลือทางการเงินจากมหาวิทยาลัย ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษาได้อย่างมาก

ทุนการศึกษาใน Ivy League

หลายมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy League มีทุนการศึกษาที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนให้นักเรียนสามารถเข้าศึกษาได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ทุนเหล่านี้อาจเป็นทุนเต็มจำนวนหรือทุนบางส่วน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินของนักเรียน นอกจากนี้ ยังมีทุนจากองค์กรภายนอกอีกมากมายที่สามารถสมัครได้เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษา นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy League มีนโยบาย “need-blind admission” หมายความว่า การพิจารณารับเข้าจะไม่คำนึงถึงความสามารถในการจ่ายค่าเล่าเรียน และหากได้รับการตอบรับ มหาวิทยาลัยจะช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นของนักศึกษา

Ivy League นั้นไม่เพียงแต่เป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง แต่ยังเป็นสถานที่ที่นักศึกษาได้รับโอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างสูงสุด ทั้งในด้านวิชาการและทักษะชีวิต การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเหล่านี้ถือเป็นความสำเร็จที่หลายคนใฝ่ฝัน และเป็นก้าวแรกสู่อนาคตที่สดใส

Related post

Study in US

Ivy League เข้ายากไหม? เด็กไทยมีโอกาสสอบติดหรือเปล่า

น้องๆ หลายคนที่ได้ยินคำว่า "Ivy League" แล้วอาจจะรู้สึก…

อ่านต่อ

Study Abroad FAQs, Study in UK, Study in US

ส่งลูกเรียนต่างประเทศ ที่ไหนดี? เปรียบเทียบ US vs UK

คำถามของหลายครอบครัวที่กำลังมองหาที่เรียนในอนาคตให้กับล…

อ่านต่อ

Study in US

7 เมืองน่าอยู่ในอเมริกา ที่น่าไปเรียนต่อ ป. ตรี

ทำไมอเมริกาถึงน่าเรียนต่อ? เมืองน่าอยู่ในอเมริกาสำหรับเ…

อ่านต่อ